เช้าวันนี้ พวกเราจะไปเที่ยวชมสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดกัน ไม่ต้องตื่นเช้ามากเพราะสนามอยู่ใกล้โรงแรม ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที

เมืองแมนเซสเตอร์อาคารส่วนใหญ่มีสีส้ม เกือบทั้งเมือง

โอลด์ แทรฟฟอร์ด (Old Trafford) เป็นสนามกีฬาในเขตแทรฟฟอร์ดของเกรตเตอร์แมนเชสเตอร์ และเป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดหรือทีมปีศาจแดง สนามกีฬาเริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ. 1909 และเริ่มเปิดใช้ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1910

Old Trafford แต่เดิมเป็นนนิคมอุตสาหกรรม Trafford มีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่มาก ในช่วงปฎิวัติอุตสาหกรรมชนชั้นแรงงานจะมาที่นี่เพื่อค้าแรงงาน วิธีผ่อนคลายของคนงานที่นี่นอกจากเดินเล่นแล้วก็มีการเล่นฟุตบอล จากการเตะบอลของคนงานก็มีการจัดทำทีมฟุตบอลขึ้นมาแข่งกันเองระหว่างนิคมอุตสาหกรรม จึงเป็นที่มาของการทำทีมฟุตบอลต่างๆในย่านอุตสาหกรรม

 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 เมืองแมนเซสเตอร์โดนระเบิดบางส่วน เพราะเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 รองจากลอนดอนเมื่อเยอรมันมาสร้างฐานทัพจึงมาทำลายเมืองนี้ด้วย และสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดก็โดนไปด้วยครึ่งสนาม ปัจจุบันได้ซ่อมแซมต่อเติมขึ้นมา และมีการฉลอง 100 ปี เมื่อไม่กี่ปีมานี้้

 อดีตผู้จัดการทีม เซอร์แม็ตต์ บัสบี้ (Sir Matt Busby )ชาวสก็อตแลนด์ ผู้สร้างทีมแมนเซสเตอร์ยูไนเต็ด และได้พาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่าลีก เป็นทีมแรกของอังกฤษ ในปี 1968 ทำให้แมนเซสเตอร์เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงขึ้นมา  ถือว่าเป็นยุคที่แมนเซสเตอร์เฟื่องฟูมาก

เดินเข้ามาภายในสนามก็เห็นรูปปั้นของท่านเซอร์ อยู่เหนือประตูทางเข้า

พวกเรารับบัตรและเดินเข้าด้านในจะมีเจ้าหน้าที่เช็คกระเป๋า ส่วนกล้องถ่ายรูปสามารถถ่ายได้ตามจุดที่เขากำหนด มีเจ้าหน้าที่คอยอธิบาย 1คน และปิดท้าย 1 คน

เรามาเยี่ยมชมในส่วนพิพิธภัณฑ์ เราจะเห็น ประวัติความเป็นมา รูปภาพเก่าๆตั้งแต่ 100 ปีที่แล้วของโอลด์แทรฟฟอร์ด และนักเตะทีมแมนเซสเตอร์ตั้งแต่ร์เริ่มมีมา รวมทั้งเหตุการณ์สำคัญในสนามฟุตบอล

เมื่อปี 1958 เกิดโศกนาฎกรรมกับทีม เมื่อทีมแมนเซสเตอร์ไปแข่ง ยูโรเปียนลีก แล้วเกิดเครื่องบินลื่นไถล  ออกนอกรันเวที่มิวนิค ทำให้ทีมแมนเซสเตอร์ศูนย์เสียนักเตะคนสำคัญไปเกือบหมด  ซึ่งทางสโมสรใช้คำแทนเหตุการณ์ว่า “The darkest day in United′s history” หลังจากเหตุการณ์ในครั้นนั้น เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ ได้รวบรวมนักเตะเยวชนเพื่อฟอร์มทีมใหม่ พวกเขาจะต้องฝีกอย่างหนัก ดังนั้นทีมแมนเซสเตอร์ จึงถูกเรียว่า the theater of dream (โรงละครแห่งความฝัน) ที่พวกเขาจะต้องมาสานความฝันต่อผู้ชมในสนามแห่งนี้

 เจ้าหน้าที่พาพวกเราเข้าชมห้องแถลงข่าว เขาเล่าว่าในการแถลงข่าวเขามักจะให้ทีมเยือน มาแถลงข่าวก่อนจากนั้นก็ให้ทีมเจ้าบ้านแถลงต่อ เขาให้ความสำคัญกับนักข่าวมากดังนั้นจะมีห้องเลาน์พิเศษให้นักข่าวซึ่ง มีสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็น wifi ที่นั่งอย่างดี  อาหารบุฟเฟ่และได้รับประทานอาหารร่วมกับนักฟุตบอลด้วย ในอดีตห้องนี้เคยเป็นห้องแถลงข่าวการซื้อตัวของนักเตะ แต่ปัจจุบันใช้ห้องอื่นแทน

พวกเราไปชมที่นั่งของทีมเหย้า ทีมเยือน ที่นั่งของผู้จัดการทีมและที่นั่งของแขกกิติมศักดิ์

สนามสามารถจุคนดูได้ประมาณ 76,000 คน

และเดินผ่านศูนย์อาหาร ในช่วงไม่มีการแข่ง ดูเงียบเหงาดี

เจ้าหน้าที่พาเราไปชมทางเข้าสนามสำหรับแฟนบอลผู้พิการที่มาด้วยรถเข็น

ห้องกระจกนี้เป็นห้องรายงานและพากย์การแข่งบอลและ มีกล้องทั้งหมด 8 ตัว

เขาพาเราเข้าไปชมห้องเปลี่ยนเสื้อนักฟุตบอล ไม่รู้เลยว่าใครใส่เสื้อหมายเลขอะไร แต่จำได้ว่าเดวิทเบ็คแฮมเคยใส่เสื้อหมายเลข 7

ทางเข้าสนามของเหล่านักเตะ

สนามฝั่งอเล็กเฟอกูสันมีแคปซูลเวลาอยู่ที่พื้น เมื่อตอนสนามครบรอบ 100 ปี มีการนำเสื้อของนักเตะ รองเท้า สตั้นของนักเตะ เอกสารการเตะ รายชื่อนักเตะ ใส่ลงในนี้ เขาเก็บไว้เพื่อว่าอีก 200  ปี พวกเขาจะนำสิ่งของเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์

บอร์ดใช้จดผลคะแนนและแต้มต่อเพื่อพนันฟุตบอลกันอย่างเปิดเผย

ก่อนออกจากสนามจะเห็นรูปปั้น 3 นักเตะระดับตำนาน หันหน้าเข้าสนามและอยู่ฝั่งตรงข้ามรูปปั้นเซอร์แม็ตต์ บัสบี้ ที่ถูกขนานนามว่า เดอะ ยูไนเต็ด ทรินิตี้ เริ่มจากเซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ที่พาอังกฤษคว้าแชมป์โลกในปี 1966, เดนิส ลอว์ และจอร์จ เบสต์ โดยทั้ง 3 คนสามารถคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมยุโรป ในยุคเซอร์แม็ตต์ บัสบี้

ทางออกของสนาม พวกเราก็เดินผ่านร้านขายของที่ระลึก มีสินค้าภายใต้โลโก้แมนเซสเตอร์หลากหลาย ทั้งเสื้อ หมวก ผ้าพันคอ พวงกุญแจ เสื้อหนาว เสื้อกันฝน มีให้เลือกหลากหลาย …มาทั้งทีจะไม่ซื้อได้อย่างไร…จัดไป

หลังจากชมสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด เจ้าหน้าที่ก็ให้ประกาศนีบัตรพร้อมชื่อของพวกเราแต่ละคนที่มาเที่ยวชมสนาม จากนั้นพวกเราไปเที่ยวชมทะเลสาบวินเดอร์เมียร์ต่อไป

ต่อไป ทะเลสาบวินเดอร์เมียร์

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here