เที่ยวเขมร 4 วัน ส่งท้ายปี มาดูกันสิว่าไปไหนมาบ้าง

วันที่ 3

หลังจากเที่ยวชมปราสาทตาพรหมแล้ว คิดว่าจะได้เวลารับประทานอาหาร แต่ไกด์บอกว่ายังไม่ถึงเวลาให้ไปเที่ยวปราสาทบายนก่อน เลยต้องเก็บความหิวไว้ก่อน

ปราสาทบายน สร้างโดยกษัตริย์ชัยวรมันที่ 7 ปราสาทแห่งนี้มียอดปราสาทอยู่มากมาย แต่ละยอดปราสาทจะมีพระพักตร์ของกษัตริย์ชัยวรมันที่ 7 หรือ ใบหน้าของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรอยู่ 4 ด้านเพื่อมองดูแลทุกข์ สุข ของประชาชนในสมัยนั้น ปัจจุบันหลงเหลืออยู่ 37 ยอด ซึ่งในอดีตมีอยู่ 54 ยอด

ปราสาทบายน

ปราสาทบายนอยู่ทางทิศใต้ของนครธม


ปราสาทบายน

บันไดทอดนำทางจากซุ้มประตูชั้นล่างขึ้นสู่ตัวปราสาทชั้นที่ 2 และ 3 จุดสนใจอยู่ที่ยิ้มบายน

ปราสาทบายน

มีเรื่องล่าเกี่ยวกับตัวเลขให้ฟัง คือ ในสมัยนั้น เลข 9 คงเป็นเลขนำโชค เพราะการสร้างยอดปราสาท 54 ยอด เมื่อนำเลข 5 และ 4 มาบวกกันก็จะได้เลข 9 และ 54 ยอดปราสาทเมื่อคูณด้วย 4 พระพักตร์ จะมีพระพักตร์ทั้งสิ้น 216 พระพักตร์ เมื่อนำเลข 2+1+6 = 9 อีกเหมือนกัน

รอยยิ้มบายน

รูปสลักพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือยิ้มบายนที่แต่ละใบหน้าต่างก็มียิ้มที่แตกต่างกันออกไป

รอยยิ้มบายน

ยิ้มบายนที่แต่ละใบหน้าต่างก็มียิ้มที่แตกต่างกันออกไป

นางอัปสรา

ภาพนูนต่ำ นางอัปสราร่ายรำ

นางอัปสรา

นางอัปสรา

เราชอบใบหน้านางอัปสรานี้นะ แบบว่ายิ้มสวย

หลังจากเที่ยวชมจนหิวได้ที่ ก็รับประทานอาหาร ณ. ภัตตาคารจีน รู้สึกกระหายน้ำมากอยากดื่ม pepsi จึงสั่ง pepsi มาดื่ม ราคากระป๋องละ 60 บาท แพงมากๆ แต่ทำอย่างไรได้อยากเองนี่นา จากนั้นก็เดินทางต่อเพื่อให้ทันนครวัด บ่าย 2 โมง

นครวัด 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบัน มหาปราสาทนครวัด หรือในสมัยโบราณถูกเรียกว่า เมืองพิษณุโลก เป็นปราสาทที่สร้างโดย พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เพื่อถวายแด่พระวิษณุ และสันนิษฐานว่าเป็นที่ฝังพระบรมศพหรือพระบรมอัฐิของพระองค์เองด้วย เป็นปราสาทเดียวในประเทศกัมพูชาที่หันด้านหน้าไปยังทิศตะวันตก (ปราสาทอื่นๆจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก) มีความยาวโดยรอบถึง 1,500 เมตร และกว้าง 1,300 เมตร มีเนื้อที่ภายในทั้งหมดกว่า 2,600 ไร่ ภายในประกอบไปด้วยรูปแกะสลักเรื่องราวต่างๆมากมาย อาทิเช่น เรื่องราวการรบของตระกูลกษัตริย์สองพี่น้อง คือ ปาณฑพ และ เการพ ในมหากาพย์เรื่องมหาภารตะยุทธ, รูปกระบวนทัพของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 , รูป นรก – สวรรค์, รูปการกวนเกษียรสมุทรของเหล่าเทวดาและอสูรเพื่อให้ได้น้ำอมฤต และรูปแกะสลักอื่นอีกมากมาย

นครวัด

ล้อมรอบด้วยคูน้ำขนาดกว้าง 190 เมตรโอบล้อมเป็นรูปสี่เหลี่ยมกว้าง 1,300 เมตร ยาว1,500 เมตร ปราสาทมีปรางค์ขนาดใหญ่ 5 ยอด ยอดปรางค์ประธานที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางมีความสูงถึง 65 เมตร หรือสูงราวตึก 20 ชั้น เมื่อมองคูน้ำ จะเห็นเงาสะท้อนปรางค์ 5 ยอด

นครวัด

มีการบูรณะนครวัด ดังนั้นจีงเห็นผ้าใบสีเขียว ซึ่งบดบังความสวยงามพอสมควร

เดินทางขึ้นนครวัด

พระอวโลกิเตศวร ก่อนเข้าชมนครวัดก็แวะนมัสการซะหน่อย

ระเบียงคดชั้นนอก

ภาพสลักของ พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้สร้างมหาปราสาทนครวัดแห่งนี้

ภาพสลักรามเกียรติรูปพระราม

ภาพสลักเรียงรายรอบกำแพงนครวัด

นางอัปสรา

นางอัปสรากับทรงผมแปลกๆ ซี่งมีมากถึง 2000 รูป


นางอัปสรา
นางอัปสรากับรอยยิ้ม

นครวัด

ภาพนครวัด ขณะที่ทุกคนเดินทางกลับ ถึงแม้จะเหนื่อยแต่ก็คุ้ม

จากนั้นพวกเราก็เดินทางต่อไปเขาพนมบาเค็ง นั่งรถไปจากนครวัดไม่ถึง 10 นาที

เขาพนมบาแค็ง ที่สุดท้ายสำหรับ trip นี้ ใช้เวลาเดินขึ้นเขาประมาณ 15-20 นาทีตามแต่สังขารอำนวย ก็มาถึงฐานปราสาทพนมบาแค็ง จากนั้นต้องขึ้นบันไดไปอีก 5 ชั้น เพื่อที่จะถึงจุดชมพระอาทิตย์ตกดิน สามารถมองเห็น บารายเก็บน้ำและ นครวัด มีนักท่องเที่ยวรวมทั้งชาวเขมรจำนวนมากเดินขึ้นเขาเพื่อมาดูพระอาทิตย์ตกดิน แต่ว่าเมฆบังพระอาทิตย์มากเหลือเกิน ทำให้บางส่วนรีบเกลับลงมา เราเองก็ถอดใจเหมือนกัน แต่ก่อนจะกลับเมฆก็พัดออกจากดวงอาทิตย์ ทำให้ได้เห็นพระอาทิตย์ตกดินในที่สุด

เขาพนมบาเค็ง
ภาพพระอาทิตย์ตกที่เขาพนมบาเค็ง


เขาพนมบาเค็ง
แสงสุดท้ายของปี 2007 จบลงอย่างงดงาม

กลับโรงแรมร่วมงาน GALA Dinner กับโรงแรมรอบสระน้ำ พวกเราลงจากเขาด้วยความทุลักทุเล เพราะเวลาขึ้นเขาก็ยากแล้ว ลงจากเขายากมากกว่าเพราะมันชันมาก ต้องค่อยๆลง

ส่งท้ายปีเก่าและขอต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมา
กลับไป โตเลนสาบ

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here