เยอรมัน
รถบัสขับย้อนไปทางซูริคเพื่อ เดินทางสู่เมือง ชาฟเฮาเซ่น (Schaffhausen) เมืองชายแดนเหนือสุดของสวิสติดกับเยอรมัน อันเป็นที่ตั้งของน้ำตกไรน์ เรามีความรู้สึกว่านั่งรถย้อนอยางไรไม่รู้ แต่ไกด์บอกว่าโปรแกรมเขาเป็นอย่างนี้
นั่งรถประมาณ 1.30 ชั่วโมงเราก็เห็นป้ายบอกทางไปน้ำตกไรน์
ป้ายบอกทาง
น้ำตกไรน์ (Rheinfall) น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป เกิดจาการยุบตัวของดินในแม่น้ำไรน์ ทำให้เกิดชั้นดินและหินต่างระดับจนเกิดเป็นน้ำตกที่ใหญ่และสวยงาม น้ำตกกว้าง 150 เมตร สูง 23 เมตร
น้ำตกไรน์
เรามองเห็นน้ำตกที่ยิ่งใหญ่อยู่ข้างหน้า พวกเราก็รีบเดินเพื่อให้เห็นใกล้ๆให้เต็มตา
พวกเราเดินข้ามสะพาน ก็จะเห็นน้ำตกได้ชัดขึ้นและบริเวณนี้จะมีเรือที่พานักท่องเที่ยวชมน้ำตก
น้ำตกไรน์
เมื่อมองใกล้เข้ามาก็จะเห็นความยิ่งใหญ่แบบเต็มตา
น้ำตกไรน์
มีเรือพาเข้าชมน้ำตกไรน์แบบใกล้ๆด้วย แต่เราไม่มีเวลา จึงได้แต่ถ่ายรูปน้ำตก และนั่งจิบกาแฟชื่นชมความงาม
ที่นี่ถ้าจะเข้าห้องน้ำเขามีตู้หยอดเหรียญ เสียค่าเข้าครั้งละ 0.4 ฟรังส์
เรือชมน้ำตกไรน์
จะสามารถเข้าสัมผัสละอองน้ำตกอย่างใกล้ชิด
เรือชมน้ำตกไรน์
เราเดินเล่นอยู่บริเวณน้ำตกไรน์ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็เดินทางต่อ
เรามาถึงด่านสุดทายของประเทศสวิส ซึ่งพวกเราจะต้องทำ Tax Refund ที่ประเทศสวิส ก่อนที่พวกเราจะข้ามไปประเทศเยอรมัน
ด่านสุดท้ายของสวิส
พวกเราเดินทางข้ามแดนสู่ทางตอนใต้ของเยอรมัน สู่เมืองชายแดนเยอรมัน-สวิสเซอร์แลนด์ ทิเทเซ่ “Tetesee”หรือเมืองในเขต “ป่าดำ” ตอนใต้สุดของเยอรมัน ตัวเมืองเล็กๆ รายล้อมทะเลสาบ และเป็นเมืองที่เป็นแหล่งกำเนิดการทำนาฬิกากุ๊กกูด้วย
ป่าดำที่เรียกว่า “ป่าดำ” เพราะมีต้นสนสีเขียวเข้มขึ้นอยู่ตามเทือกเขาหนาแน่นดูคล้ายสีดำ
ทะเลสาบทิเทเช่ มีพื้นที่ทั้งหมด 1.3 ตารางกิโลเมตร สูงกว่าระดับน้ำทะเล 840 เมตร
ทะเลสาบทิเทเช่
เรามาทานอาหารกลางวันที่ร้านนี้
ร้านอาหารกลางวัน
ที่ร้านนี้มีคนมารับประทานกันเยอะมากโดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์
ร้านอาหารกลางวัน
พวกเรากินขาหมูเยอรมันคนละขา เสริฟพร้อมกับเบียร์ และมีไอศครีมซ็อกโกแลตปิดท้าย แต่ขอบอกว่ารอนานมากกว่าจะได้ทาน
ขาหมูเยอรมัน
ข้างร้านอาหารจะมีร้านขายของฝาก เช่นมีดพับ เหยือกเบียร์ นาฬิกากุ๊กกูด้วย เราตัดสินใจซื้อไป 1 ตัว
นาฬิกากุ๊กกู
มีคนเดินเล่นรอบทะเลสาบจำนวนมาก และเรามาเก็บรูปทะเลสาบก่อนเดืนทางต่อไป
ทะเลสาบทิเทเช่
พวกเราเดินทางต่อไปเพื่อไปเมืองไฮเดลเบิร์ก ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง และระหว่างทางถ้าต้องการเข้าห้องน้ำจะมีปั้มบริการซึ่งจะต้องเตรียมเหรียญประมาณ 0.5 – 1 ยูโร แต่เราสามารถนำใบเสร็จมาใช้เพื่อซื้อของในร้านตามค่าเงินในใบเสร็จด้วย
เมืองไฮเดลเบิร์ก( Heidelberg) เป็นเมืองที่มี เอกลักษณ์ของศิลปะโกธิคสมัยกลาง โดยมีพระราชวังสไตล์เรอเนสซองค์อันสวยงามในสมัยศตวรรษที่ 16 และเป็นเมืองมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ และเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงระดับโลก นอกจากนี้ยังเป็นเมืองพระราชสมภพของในหลวงอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8) อีกด้วย และยังถูกระบุเป็นเมืองมรดกโลก
ไฮเดลเบิร์ก
ซุ้มประตู สะพานเก่า (Old bridge) ซึ่งมีชื่อเต็มว่า Karl-Theodor-Heuss Bruecke(คาล ธีออดอร์ ฮ้อยส์ บรุคเคอ) รูปทรงหอคอยคู่แบบบารอค
ตัวเมืองตั้งอยู่ระหว่างเนินเขา 2 ลูก บนฝั่งแม่น้ำเนคค่า (Neckar) ที่ไหลผ่านจากด้านตะวันออกไปตะวันตกของเมือง
ไฮเดนเบิร์ก
เป็นเมืองที่สวยงามและมีเสน่ห์มาก มันเป็นเมืองที่สวยเกินกว่าที่เราคาดไว้
เมื่อมองข้ามสะพานจะเห็นปราสาทไฮเดนเบิร์ก
ไฮเดนเบิร์ก
มีร้านค้าต่างๆบริเวณนี้ รวมทั้งร้านขายของที่ระลีกด้วย แต่น่าเสียดายร้านปิด 18.00 น
ร้านค้าภายในเมือง
หลังจากรับประทานอาหารค่ำเป็นที่เรียบร้อยแล้วเราก็กลับที่พัก
MARRIOTT HOTEL
เรามาพักที่โรงแรมนี้
มีเวลาเล็กน้อยพวกเราจึงเดินเล่นข้างๆโรงแรม
ขอจบด้วยการเอาดอกไม้สวยๆมาฝาก