เยอรมัน


หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้ว เราก็เดินเล่นรอบโรงแรมเพื่อเก็บรูปแม่น้ำเนคค่า (Neckar)ที่อยู่หลังโรงแรม

แม่น้ำเนคค่า



แม่น้ำเนคค่ายามเช้าบริเวณหลังโรงแรมที่เราพัก เมื่อเวลา 07.30 น

เดินทางเพื่อไปสู่ประสาทไฮเดลเบิร์ก

ปราสาทไฮเดลเบิร์ก อยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำเนคค่า สร้างด้วยหินทรายสีแดง โดยเจ้าชายเอเล็กเตอร์ รูเปรคท์ ที่ 3 (Elector Ruprecht III, 1398 – 1410) ได้มีการพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สมัยโกธิกในศตวรรษที่ 14 จนถึงสไตล์บารอก ปราสาทมีอายุ 900 ปี ด้วยผู้ครองเมืองแต่ละคนที่ขึ้นมามีอำนาจปกครองในตำแหน่ง Palatinate และได้มาอยู่อาศัยก็ต่างพยายามสร้างปราสาทย่อยๆเพิ่มเติมตามศิลปะที่ใหม่ล่าสุดในยุคนั้นๆเพื่ออวดอำนาจจารึกไว้

ปราสาทไฮเดลเบิร์กถูกทำลายตอนที่ฝรั่งเศลยึดเมืองได้ แล้วกษัตริย์ฝรั่งเศสในสมัยนั้นให้นำดินปืนมาจุดระเบิดเสียแม้กระทั่งป้อมที่หนาที่สุดนั้นก็ยังถูกทำลายเสียจนร้าวไปครึ่ง ปัจจุบันตัวปราสาทได้รับการอนุรักษ์ไว้ให้เป็นมรดกของเมือง

ปราสาทไฮเดลเบิร์ก



ทางเข้าประตูคืนเดียว หรือ Elizabeth Gate มีชื่อเสียงในด้าน “พลังแห่งความรัก” Prince Elector Frederic V มีบัญชาให้สร้างให้เสร็จภายในคืนเดียว เพื่อเป็นของขวัญวันเกิด Princess Elizabeth Stuart ผู้เป็นภรรยา

เมื่อมองไปรอบๆจะเห็นปราสาทอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์นัก เนื่องจากถูกการทำลายจากสงครามโลก

ปราสาทไฮเดนเบิร์ก




ปราสาทไฮเดลเบิร์ก




พวกเราเดินเข้าไปในอาคารเพื่อชมถังเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ถังเบียร์ยักษ์ สร้างขึ้นเมื่อค.ศ 1751 ถังไวน์ยักษ์นี้ทำจากไม้โอ๊คจำนวนมากถึง 130 ต้น มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 8.5 เมตรและสูง 7 เมตร และบรรจุเบียร์ได้ถึง 220.017 ลิตร แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับถังยักษ์นี้คือการที่มันรั่วและต้องซ่อมแซมกันหลายครั้ง ในที่สุดก็เลิกใช้งานไป แต่เก็บรักษาไว้ให้นักท่องเที่ยวมาชม

ถังเบียร์ใหญ่ที่สุดในโลก





บริเวณด้านข้างมีบันไดวน พวกเรากุรีกุจอกันถ่ายภาพกับเจ้าถังเบียร์นี้ นอกจากถังเบียร์อันนี้แล้วยังมีถังเบียร์ขนาดเล็กลงมาอีก

จากนั้นพวกเราเดินต่อไปเพื่อไปยังระเบียงปราสาท

เมื่อมองจากระเบียงปราสาทออกไปจะเห็นวิวเมืองไฮเดลเบิร์ก แม่น้ำเนคการ์ และ สะพาน Karl-Theodor-Heuss Bruecke ที่เราชมเมื่อวานนี้


จุดชมวิว




ปราสาทประดับด้วยรูปปั้นของเหล่านักบุญชาวเยอรมัน และเทพเจ้าชาวโรมัน

ปราสาทไฮเดลเบิร์ก




รูปปั้นเทพเจ้าชาวโรมัน




พวกเราเดินออกมาจากปราสาท และแวะบริเวณนี้เพื่อเข้าห้องน้ำ ค่าบริการคนละ 0.40 ยูโร

ปราสาทไฮเดลเบิร์ก




โปรแกรมต่อไปที่ล่องเรือแม่น้ำไรน์ เนื่องจากรถติดมาก ทำให้เวลาคลาดเคลื่อนดังนั้น พวกเราจึงต้องไปขึ้นเรือที่เมืองบ๊อบพาร์ด

โดยทางทัวร์เลือกบ๊อบพาร์ค- เซ็นเกอร์ เพราะเป็นช่วงที่งดงามที่สุด เพราะเป็นช่วงที่แม่น้ำแคบและคดเคี้ยวไปมาในหุบเขา ที่มีสถาปัตย์ที่งดงามและไร่องุ่น

ท่าเรือ




พวกเรามาขึนเรือที่ท่าเรือเพื่อลงเรือชมแม่น้ำไรน์

เรือลำนี้พาพวกเรานั่งชมความงาม เป็นเรือ 2 ชั้นมีด้านในและนอก แต่ด้านนอกลมและแดดจะแรงเราก็สู้เพราะอยากเห็นธรรมชาติที่สวยงาม

เรือล่องแม่น้ำไรน์




แม่น้ำไรน์เป็นแม่น้ำที่ยาวและสำคัญที่สุดในทวีปยุโรป ยาวทั้งสิ้น 1,320 กิโลเมตร มีต้นน้ำอยู่ที่เทือกเขาแอลป์ทางตอนใต้ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ไหลผ่านประเทศสวิตเซอร์แลนด์ขึ้นไปทางเหนือ จนถึงพรมแดนระหว่างฝรั่งเศสกับเยอรมนีแล้วไหลต่อเข้าไปในประเทศเยอรมนีและประเทศเนเธอร์แลนด์ ไปออกทะเลเหนือ

วิวแม่น้ำไรน์




ผ่านบ้านเรือนรูปทรงน่ารักทรงเยอรมัน แต่วันนี้หมอกลงทำให้ทัศนียภาพไม่ค่อยชัดเท่าไหร่

เรือแล่นไปเรื่อยๆสักพักหมอกก็เริ่มจางลงพอจะถ่ายรูปได้ แต่อากาศเย็นมากเลย แต่เราก็ชมวิวที่ดาดฟ้าเรือเช่นเดิม ผ่านเนินเขาที่เลียงรายไปด้วยปราสาทเก่าแก่คลาสสิคบนยอดเขาและบ้านเรือนสมัยโบราณที่แสนงดงามราวกับเป็นเมืองในเทพนิยาย

วิวแม่น้ำไรน์




ชมซากปราสาทโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยยุคขุนนางศักดินาและถูกปล่อยทั้งให้รกร้าง บางส่วนถูกทำลายในสงครามหลายๆ ครั้ง บางส่วนเป็นโรงแรมหรือพิพิธภัณฑ์
พวกเรานั่งเรือชมความงามของบ้านเรือนและปราสาทประมาณ 1 ชั่วโมง

ปราสาทเก่า




เรือมาชึ้นท่าที่เมืองเซ้นท์กอร์ จากนั้นพวกเราก็เห็นต้น cherry blossom เราก็รีบกระโจนเข้าใส่อีก

เมืองเกอร์เทอร์ เป็นศูนย์กลางการผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดและเป็นเมืองที่จัดงานเทศกาลการจุดพลุประจำปีริมฝั่งบนแม่น้ำไรน์

cheery blossom




พวกเรารับประทานอาหารกลางวันที่เมืองนี้ที่เวลา 13.30 น. รับประทานอาหารฝรั่งเมนูนี้เป็นสเต็กปลาแซลมอน และไอศครีม จากนั้นเราก็ไปดูร้านขายของที่ระลึก และเดินทางต่อไปยังเมืองโคโลญ

โคโลญ เป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ของเยอรมันและเป็นต้นกำเนิดน้ำหอม 4711 ในเมืองมีมหาวิหารโคโลญ

มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral หรือ Kolner Dom) สร้างสำเร็จพร้อมกับมีพีธีวางหลักหินบันทึกข้อมูลการก่อสร้าง (foundation stone) โดยเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 1791 แต่มีปัญหาให้ต้องหยุดพักการก่อสร้างไปบ้าง จึงต้องใช้เวลากว่าหกร้อยปีจึงสร้างเสร็จสมบูรณ์ มหาวิหารโคโลญเป็นศาสนสถานของคริสต์ศาสนาโรมันคาทอลิก นับเป็นวิหารที่ใหญ่และสูงที่สุดในโลกในสมัยนั้น (แม้ปัจจุบันก็ยังติดอันดับต้น ๆ) ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโกธิก (Gothic) เป็นหอคอยแฝดสูง 157 เมตร กว้าง 86 เมตร ยาว 144 เมตร สร้างเพื่ออุทิศให้ นักบุญปีเตอร์ (Saint Peter) และ พระแม่มารี (Blessed Virgin Mary) ปัจจุบันมหาวิหารโคโลญนับจุดหมายสำคัญของเมืองโคโลญและประเทศเยอรมนี และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 2536


มหาวิหารโคโลญ




เป็นมหาวิหารที่ยิ่งใหญ่จริงๆ

รูปปั้นนักบุญและพระแม่มารีอยู่ด้านนอกวิหาร

มหาวิหารโคโลญ




บริเวณด้านนอกวิหารมีรูปปั้นแบบต่างๆ

รูปปั้น




ด้านในวิหารดูยิ่งใหญ่มาก มีการตกแต่งด้วยกระจกสี


มหาวิหารโคโลญ




ข้างในมีรูปปั้นทางคริสต์ศาสนามากมาย


มหาวิหารโคโลญ




ที่นี่มีเทียนให้จุดเพื่อขอพรพระเยชู และเราก็หยอดเหรียญใส่กล่องข้างๆเพื่อทำบุญได้ด้วย

จุดเทียน




มีเวลาเล็กน้อยพวกเราจึงเดินเล่นข้างๆโรงแรม

รอบๆวิหารมีร้านค้าจำหน่ายสินค้ามากมาย เช่น น้ำหอม 4711 , louis vuitton , lacose, มีด- กรรไกร ตราตุ๊กตาคู่ และร้านขายของที่ระลึก เราซื้อชุดกรรไกรตัดเล็บตราตุ๊กตาคู่ พวงกุญแจ และ แม่เหล็กติดตู้เย็นรูปนาฬิกากุ๊กกู


บริเวณรอบวิหาร




จากนั้นพวกเราก็เดินทางไปยังเมือง Duesseldorf เพื่อพักผ่อน


Renaissance Duesseldorf Hotel





โรงแรมไม่มีที่ shpping เลย และร้านที่เมืองนี้ปิด 18.00 น. ดังนั้น เราจึงไปพักผ่อนดีกว่าพักผ่อนดีกว่า

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here