ฝรั่งเศส

เดินทางไปแวร์ซาย พอออกจากโรงแรมเราสังเกตุว่าท้องฟ้ามืดคลื้มคล้ายฝนจะตก เมื่อไปถึงพระราชวังแวร์ชาย ฝนก็ตกปรอยปรายลงมา แต่ไม่เป็นไรหรอกก็ได้อีกบรรยากาศ

เดิมนั้น เมืองแวร์ซายเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งเท่านั้น มีผู้คนอาศัยอยู่เบาบาง บริเวณส่วนใหญ่เป็นป่าเขา เยี่ยงชนบทอื่น ๆ ของฝรั่งเศส เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ยังทรงพระเยาว์ ขณะพระชนมายุได้ 23 พระชันษา ทรงนิยมล่าสัตว์ในป่า และทรงเห็นว่าตำบลแวร์ซายส์น่าจะเหมาะแก่การประทับเพื่อล่าสัตว์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักขึ้นมาใน พ.ศ. 2167 โดยในช่วงแรกเป็นเพียงกระท่อมเล็กๆ สำหรับพักชั่วคราวเท่านั้น

เมื่อ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ขึ้นครองบัลลังก์ มีประสงค์ที่จะสร้างพระราชวังแห่งใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการปกครองของพระองค์ จึงเริ่มปรับปรุงพระตำหนักเดิมในปี พ.ศ. 2204 ใช้เงินทั้งหมด 500,000,000 ฟรังก์ คนงาน 30,000 คน และใช้เวลาอยู่ถึง 30 ปีจึงแล้วเสร็จในพ.ศ. 2231 ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาว เป็นแบบอย่างศิลปกรรมที่งดงามมาก ภาย ในแบ่งออกเป็นห้องๆ เช่น ห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ฯลฯ ทุกห้องล้วนมีเครื่องประดับงดงามตระการตาและภาพเขียนที่มีชื่อเสียง

การก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายส์แห่งนี้ได้นำเงินมาจากค่าภาษีอากรของราษฎรชาวฝรั่งเศส ต่อมาจึงได้มีกองทัพประชาชนบุกเข้ายึดพระราชวังและจับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับพระนางมารี อองตัวเนต ประหารด้วย “กิโยติน” ในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2332 ปัจจุบันพระราชวังแวร์ซายส์ยังอยู่ในสภาพดีและเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้

พระราชวังแวร์ซาย

เราเข้ามาพบกับความยิ่งใหญ่และสวยงามของพระราชวัง ซึ่งช่วงเวลาที่เรามายังเช้านักท่องเที่ยวจึงยังไม่เยอะมาก

จากนั้นเราก็เดินเข้าไปด้านในเพื่อพบกับไกด์ซึ่งเป็นคนไทยโดยไกด์คนนี้จะเป็นคนบรรยายเกี่ยวกับประวัติและพระราชวังให้พวกเราฟัง

พวกเราเข้าชมห้องในพระราชวัง 17 ห้องได้แก่ มีห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ห้องทรงพระอักษร ห้องโถง ห้องรับแขก ฯลฯ

เมื่อเราเดินเข้าไปห้องแรก เป็นโบสถ์ที่ประกอบพิธีทางศาสนาของพระมหากษัตริย์ ณ โบสถ์แห่งนี้พระราชโอรสธิดาเจ้าทั้งหลายได้รับการตั้งพระนาม และทำพิธีอภิเษกสมรด้วย โบสถ์นี้วิจิตรตระการตาด้วยลายสลักหินทั้งแท่ง สูงชะลูดขึ้นไปเป็นระเบียงชั้น

พระราชวังแวร์ซาย

ห้องเฮอร์คิวลิส เป็นห้องหินอ่อนอิตาลีล้วน จัดเป็นพระอักษรที่ใหญ่ที่สุดของตัวประสาทบน เพดานวิจิตรตระการตาด้วยภาพวาดเรื่องราวของเทพเจ้าเฮอร์คิวลิส ผู้ทรงพลังตามตำนานกรีก สถาปนิกผู้ออกแบบห้องนี้ คือ โรแบร์ เดอ คอท ห้องวีนัส เป็นห้องพักราชทูตที่เดินทางมาถวายพระราชสาส์นตราตั้งก่อนเข้าเฝ้า

พระราชวังแวร์ซาย

ภาพวาดบนเพดานเล่าเกี่ยวกับเทพเจ้าเฮอร์คิวลิส

เพดาน

เตาผิง

รูปพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และเฟอร์นิเจอร์โบราณ ซึ่งไกด์บอกว่าครั้งหนึ่งเฟอร์นิเจอร์พวกนี้เคยโดนขโมย แต่ฝรั่งเศสหาซื้อกลับได้หมดเลย

รูปพระเจ้าหลุยส์ที่ 14

พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ครองราชย์เป็นเวลา 72 ปี จัดว่าเป็นผู้ที่ครองประเทศฝรั่งเศสนานที่สุด อีกทั้งยังเป็นพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชที่ครองราชย์นานที่สุดในยุโรปอีกด้วย

รูปปั้นหลุยส์ที่ 14

ห้องกระจก (The Hall of Mirrors )ห้องนี้เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของแวร์ซายส์ในรอบ 4 ศตวรรษ ออกแบบได้เลิศหรู โดยสถาปนิกเอก มอนสาร์ท ห้องนี้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงกำกับการก่อสร้างเอง ทั้งห้องประกอบด้วยกระจกบานยักษ์ 17 บาน เมื่อเปิดออกแล้ว สวนแวร์ซายส์อันสวยสดงดงามดุจสวนสวรรค์จะปรากฏบนกระจกทั้งแถบของกำแพงด้านใน เป็นที่ตระการตาแก่ผู้ได้พบเห็นยิ่งนัก

ห้องนี้ ได้ใช้ต้อนรับแขกเมือง หรือจัดพิธีเลี้ยงรับรองคณะราชทูต เป็นเวลาถึง 300 ปี หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ห้องนี้ได้ใช้เซ็นสนธิสัญญาครั้งสำคัญถึง 2 ครั้ง คือ สนธิสัญญาตั้งอาณาจักรเยอรมัน และสนธิสัญญาแวร์ซายส์ “สงบศึกสงครามโลกครั้งที่ 1”

ห้องกระจก (The Hall of Mirrors )

จากเตียงนอนที่เห็นเป็นเตียงที่สั้นมากไม่น่าเชื่อว่าพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ซึ่งสูง 190 ซม. จะบรรทมที่เตียงนี้ได้

เตียงพระบรรทม

พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 เป็นกษัตริย์ฝรั่งเศสร์ตั้งแต่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1774 – 10 สิงหาคม ค.ศ. 1792 ในช่วงที่อยู่ในราชสมบัติประเทศต้องเจอปัญหาเศรษฐกิจอย่างรุนแรงมากจนเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศส (French Revolution) ซึ่งพระองค์ถูกประหารชีวิตอายุเพียง 37 ปี

พระเจ้าหลุยส์ที่ 16

เจ้าหญิงมารี อังตัวเนต ถือกำเนิดในราชวงศ์แห่งออสเตรียเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน1755 และได้อภิเษกกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 (ซึ่งตอนนั้นยังเป็นเจ้าชาย)ในปี 1770 ได้รับการสถาปนาเป็นราชินีแห่งฝรั่งเศสด้วยวัยเพียง 19 ชันษาในอีก 4 ปีต่อมา พระนางมีบุตรและธิดา 4 พระองค์ แต่เสียชีวิต 1 คนตั้งแต่แบเบาะ สังเกตูจากรูปจะเห็นว่าข้างในเปลเด็กจะว่าง

พระนางพร้อมทั้งลูกๆถูกประหารด้วยกิโยตินระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศส

พระนางมารีอังตัวเนต

หลังจากไกด์พาชมทั้ง 17 ห้องแล้ว พวกเราก็เดินไปยังร้านขายของที่ระลึก พวกเราเดินอยู่ในนี้ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง เมื่อออกมานอกปราสาทฝนยังตกอยู่เลย

เราถ่ายรูปพระราชวังแวร์ซายอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากฝนตกเราจึงไม่ได้ไปชมสวนและการเที่ยวนี้เป็นรอบ 2 แล้วพวกเราเลยไม่ได้กระตือรือล้นดูสวนเท่าไรด้วย

พระราชวังแวร์ซาย

ก่อนออกจากพระราชวังขอถ่ายรูปประตูอีกครั้ง ประตูนี้สมัยก่อนทำด้วยทองคำด้วยนะ

พระราชวังแวร์ซาย

พวกเราก็ไปรับประทานอาหารเที่ยงกัน จากนั้นพวกเราก็ไปเดินเล่นที่พิพิธภัณฑ์ลุฟร์กัน เมื่อรถมาส่งที่พิพิธภัณฑ์แล้ว ก่อนเข้าไปพวกเราก็ไปถ่ายรูปที่ประตูชัยเก่ากันก่อน

ประตูชัยการูเซล อยู่ในสวน Tuilerie ในบริเวณพิพิธภัณฑ์ Louvre สร้างในสมัยพระเจ้านโปเลียนที่ 1 ค่าก่อสร้างร่วมล้านฟรัง มีความสูง 14.90 เมตร ยาว 19.50 เมตร มีซุ้มประตูโค้ง 3 ซุ้ม ซุ้มตรงกลางใหญ่ที่สุด สิ่งที่ทำให้ประตูชัยนี้มีคุณค่าสูงคือภาพสลักหินอ่อนสีชมพู รสนิยมแบบโบราณมาผสมผสานเข้ากับศิลปะยุค นโปเลียนได้อย่างกลมกลืน เสากลม 8 ต้น ที่ตั้งประดับอยู่นี้ทำด้วยหินอ่อนสีแดง ตุ๊กตา 8 ตัวบนยอดเสาสลักเป็นทหารเหล่าต่าง ๆ ในสมัยนโปเลียนประตูชัยการูเซลไม่เด่นสง่าเท่าประตูเอตวล เพราะประตูชัยเอตวลเป็นจัตุรัส แต่จากประตูชัยการูเซลจะได้ภาพที่สวยงามมาก เมื่อดูหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มองลอดซุ้มโค้งของ Le Carrousel จะเห็นเสาหินObélisque อยู่ถัดไปและจะเห็น L’Arc de Triomphe de l’Etoile อยู่ลึกสุดของภาพ ซึ่งเป็นแนวตรง เป็นภาพที่สวยงามหาดูได้ยาก

ประตูชัยการูเซล( L’Arc de Triomphe de Carrousel)

บนซุ้มประตูเป็นรถแบบโรมัน เทียมม้า 4 ตัว มี 2 ล้อ กำลังแล่นนำผู้มีชัยชนะ แต่งตัวแบบโรมัน ในมือชูคบเพลิงแห่งชัยชนะเข้าในเมือง มีเทพธิดา 2 นาง ขนาบข้างม้าทั้ง 4 มาด้วย

รูปปั้นบนซุ้มประตู

หลังจากถ่ายรูปแล้วพวกเราก็ไปถ่ายรูปพิพิธภัณฑ์ลุฟร์ต่อไป

เป็นพิพิธภัณฑสถานทางศิลปะอันตั้งอยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งได้เปิดให้สาธารณะชนเข้าชมได้เมื่อปี พ.ศ. 2336 (ค.ศ. 1793) มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์คาเปเทียง ตัวอาคารเดิมทีเคยเป็นพระราชวังหลวง ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกเป็นจำนวนมาก อย่างเช่น ภาพเขียนโมนาลิซา, The Virgin and Child with St. Anne, Madonna of the Rocks ผลงานของเลโอนาร์โด ดาวินชี หรือภาพ Venus de Milo ของอเล็กซานดรอสแห่ง Antioch

พิพิธภัณฑสถานลูฟร์ (Musée du Louvre)

เมื่อเดินเข้าไปใกล้จะเห็นปิรามิดแก้วซึ่งเป็นทางเข้าพิพิธภัณฑ์ผู้ออกแบบคือไอ. เอ็ม. เป สถาปนิกชาวจีน-อเมริกันชื่อดัง

พิพิธภัณฑ์ลูฟร์

ภาพวาดสีน้ำมัน สูง 77 เซนติเมตร กว้าง 53 เซนติเมตร วาดโดยเลโอนาร์โด ดา วินชี ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ระหว่าง พ.ศ. 2046 (ค.ศ. 1503) ถึงปี พ.ศ. 2050 (ค.ศ. 1507)เป็นภาพที่ทั่วโลกรู้จักกันดีภาพหนึ่ง ในฐานะสุภาพสตรีที่มี รอยยิ้มอันเป็นปริศนา ที่ไม่รู้ว่าเธอจะยิ้ม หัวเราะ หรือร้องไห้กันแน่ ปัจจุบันอยู่ในความครอบครองของรัฐบาลฝรั่งเศส และเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

โมนาลิซ่า

เราเข้าไปเที่ยวชมแต่ด้านนอกเท่านั้นไม่ได้เข้าไปข้างใน เพราะรอบแรกเราเที่ยวชมมาหลังเดินเล่นกันสักพักเราก็ออกจากที่นี่เพื่อไปเดินซื้อของที่ Gallary Lafayettle และร้านขายเครื่องสำอางปลอดภาษี เราใช้เวลาในการเดินเล่นประมาณ 2 ชั่วโมงก็ต้องเดินทางไปสนามบินปารีส-ชาลเดอโกล เพื่อ ต่อไปnice โดย air france นั่งอยู่บนเครื่องประมาณ 1.30 ชั่วโมง

เราถึง Nice ประมาณ 21.40 น. แล้วเราก็นั่ง Taxi เพื่อไปโรงแรม Beau Rivage ซึ่งอยู่ใกล้ชายหาด ค่า Taxi 32 ยูโร ใช้เวลาจากสนามบินถึงโรงแรมประมาณ 15 นาที ค่าโดยสารแพงมากๆเลย

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here