เชสกี้ ครุมลอฟ
ออกเดินทางสู่นครมิวนิค โดยเที่ยวบินที่ TG 924 เวลา 14.05 น. (ใช้เวลาในการเดินทาง 11.55 ช.ม.)
ถึงสนามบินมิวนิค เวลา 20.00 น. เวลาที่นี่ช้ากว่าเมืองไทย 5 ชั่วโมง
รถบัส
รถคันนี้มาพวกเราไปเที่ยวตลอดทั้งทริป คนขับรถอัทยาศัยดีมาก ชื่อคุณ gerbial เป็นชาวเช็ก
คืนนี้พวกเราไปนอนพักผ่อนที่ holliday inn munich hotel ห้องนอนแคบมาก คิดว่านอนในโรงแรมญี่ปุ่นซะอีก อย่างไรก็ตามเราก็นอนหลับได้ดีเพราะเพลียจากการเดินทาง
พวกเราออกเดินทางเวลา 08.00 น.เพื่อเดินทางไปเชสกี้ ครุมลอฟ ใช้เวลาในการเดินทาง 4 ชั่วโมง
เชสกี ครุมลอฟ (Český Krumlov) เป็นเมืองขนาดเล็กในภูมิภาคโบฮีเมียใต้ของสาธารณรัฐเชก ตั้งอยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติ Sumava ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐเชก มีทิวเขา Sumava ทอดตัวตามแนวเขตแดนที่ติดกับออสเตรียและเยอรมนี
เชกกี้ คลุมลอฟ
เมืองเก่าแก่บนริมฝั่งแม่น้ำวัลตาวา ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 13 ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 1992 ด้วยสถาปัตยกรรม และศิลปะของอาคารเก่าแก่กว่า 300 หลัง ที่ถูกสร้างขึ้นต่างยุคต่างสมัยแต่กลมกลืน สวยงามใน เป็นการผสมผสานความงามของศิลปะถึง 3 ยุค ได้แก่ โกธิค เรเนซองส์ และบาร็อค
รถมาส่งเราลงตรงนี้ และให้พวกเราเดินเข้าไปในเมือง เนื่องจากรถคันใหญ่ไม่สามารถเข้ามาในเมืองได้ เมื่อลงจากรถพวกเราก็วิ่งกรูกันถ่ายรูปและพากันเดินต่อไป
เชสกี้ ครุมลอฟ
ทางเข้าตัวเมืองเชสกี้ ครุมลอฟเมืองเล็กๆ ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความน่ารักและมีเสน่ห์ของเมือง
เชสกี้ ครุมลอฟ
เดินผ่านร้านตกแต่งแบบน่ารักหลายร้าน
เชสกี้ ครุมลอฟ
พวกเรามารับประทานอาหารจีนที่shanghai china resturant รสชาดดีแต่ไกด์สั่งอาหารคล้ายกันไปหน่อย ทำให้เลี่ยนเหมือนกัน
ฝาท่อเมืองเชสกี้คลุมลอฟ
พวกเราก็เดินข้ามสะพานลาเซบนิสกี (Lazebnicky bridge ) เพื่อเดินทางไปยังปราสาทคลุมลอฟ
แม่น้ำวัลตาวา แม่น้ำนี้เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดของประเทศเช็ก มีความยาว 430 กิโลเมตร ไหลผ่าน เชกกี้คลุมลอฟ ( cesky Krumlov) เชกเก บูเดอโจวิช(Ceske Budejovice) และ ปราก( Prague ) และไหลลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
แม่น้ำวัลตาวา
จากนั้นพวกเราเดินชมปราสาทเมืองคลุมลอฟ
ปราสาทครุมลอฟเป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในสาธารณรัฐเชค โดยเป็นรองจากปราสาท Hradcany ที่กรุงปราก ซึ่งปราสาทจัดว่ามีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับตัวเมืองที่มีพื้นที่น้อย
พวกเราพากันเดินเข้าไปในปราสาทกัน
ปราสาทแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ส่วนแรก บ่อหมี หอคอยและลานตึกด้านนอก ส่วนที่2 ตึกชั้นในซึ่งเป็นห้องพักสมัยก่อน ส่วนที่ 3 โรงละครโบราณและลานชมวิว ส่วนที่ 4 สวนซึงประดับด้วยรูปปั้นน้ำพุและดอกไม้
บริเวณทางเข้ามีบ่อหมี มีหมีตัวใหญ่อยู่ 2ตัว(เท่าที่เห็นนะ) คนมามุมดูและถ่ายรูปกันใหญ่เลย แต่ถ่ายรูปค่อนข้างยากเพราะมันเดินไปมา และประกอบกับเราต้องรีบเข้าไปในปราสาทด้วย
เสน่ห์้ของเมืองนี้ คือการมองเห็นหลังคาสีแดงของบ้านหลังเล็กหลังน้อยที่เรียงราย
วิวเมืองเชสกี้ คลุมลอฟ
เทคนิคการเขียนภาพเฟรสโก หรือภาพปูนเปียก มองไกลๆนึกว่ากำแพงก่ออิฐ แต่จริงๆแล้วเป็นการใช้แปรงทาสีรูปอิฐ ทางเข้าชมภายในปราสาทอยู่ประตูทางด้านซ้ายมือ
ปราสาทคลุมลอฟ
พวกเราก็เดินตามหาไกด์เพื่อที่จะเข้าไปเยี่ยมชมภายในปราสาทแต่ไกด์กลับโรงแรมแล้ว พวกเราก็ช่วยตัวเองสอบถามข้อมูลที่จะเข้าไปในปราสาทคลุมลอฟ
ที่นี่คือห้องขายตั๋วเพื่อเข้าชมปราสาท ค่าเข้าชมคนละ 240 K หรือ 480 บาท มีราคาเป็นกลุ่มด้วยนะ 3 คน 500 K
เจ้าหน้าที่ที่นี่ขายตั๋วอย่างเดียว ต้องหาทางเข้าปราสาทเองเพราะเจ้าหน้าที่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ทำให้พวกเราเสียเวลาในการหาทางเข้าปราสาท
ปราสาทคลุมลอฟ
การเข้าปราสาทจะเข้าเป็นรอบๆตามเวลาที่กำหนดในตั๋ว เมื่อถึงเวลาเข้าจะมีเจ้าหน้าที่มารับบริเวณประตูทางเข้าเพื่อเข้าไปในปราสาท
เมื่อเข้าไปในปราสาทจะมีพนักงานแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษและไขกุญแจปราสาทเพื่อพาชมปราสาทตามห้องต่างๆ แต่ห้ามถ่ายรูป บริเวณนี้เป็นจุดที่เจ้าหน้าที่แนะนำตัวและแจ้งกฎกติกาการชมปราสาทให้ทราบ
ปราสาทคลุมลอฟ
เราเดินตามเจ้าหน้าที่ไปชมห้องต่างๆ เช่น ห้องโรเซนเบิร์ก ซึ่งโดดเด่นด้วยศิลปะแบบเรอเนสซองส์ถึง 4 ห้องมีภาพเขียนบนผนังไม้ที่เป็นของแท้ดั้งเดิมในยุคปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 ขึ้นไปชั้นบนเป็นห้องชวาสเซนเบิร์ก สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 18 สำหรับเป็นห้องรับรอง ห้องเสวย คาโนปีเลาจ์ ห้องบรรทม ห้องส่วนพระองค์ชาเปล ห้องฉลองพระองค์ ล้วนได้รับการออกแบบและตกแต่งอย่างงดงาม Masquerade Hall ที่ตกแต่งด้วยศิลปะแบบโรโคโคอันงามวิจิตรเราเดินตามเจ้าน้าที่ไปยังตามห้องต่างๆ มีความหรูหราและงดงามหลายห้อง ซึ่งถ้าไม่ได้เข้ามาชมเสียดายแย่เลย
รถม้าพระที่นั่งซึ่งตกแต่งด้วยทองคำ อันนี้เป็น ไฮไลท์ที่ต้องมาชมเพราะรถม้าทำด้วยทองสวยงามมาก
Eggenberg Hall
เราใช้เวลาในการชมปราสาทเกือบชั่วโมง จากนั้นพวกเราก็เดินถ่ายรูปในปราสาทกันต่อ
เนื่องจากน้ำพุบริเวณสวนของปราสาทซ่อมอยู่ จึงถ่ายรูปรูปปั้นมาฝาก
เราเดินออกมาถ่ายรูปวิวของเมืองอีกครั้ง
เมื่อเดินจนเหนื่อยเราก็เดินกลับไปที่โรงแรมต่อ
โรงแรมเราตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำวัลตาวา ซึ่งมองไกลๆจะเห็นตึกสีแดงตั้งอยู่
Mlyn Hotel
โรงแรมHotel Mlyn ติดกับแม่น้ำ ห้องเราอยู่ชั้น 2 ติดแม่น้ำและวิวปราสาทได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ตลอดเวลา บรรยากาศโรแมนติกมากๆเลย
เราเดินเล่นในเมืองต่อ มีร้านขายของที่ระลึกเช่น ตุ๊กตารัสเชีย แก้วเซรามิค ซ๊อกโกแลต การซื้อสินค้าที่นี่สามารถใช้เงินยูโรได้และเขาจะทอนเป็นเงินโครน ซึ่งแต่ละร้านอัตราแลกเปลี่ยนจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของเจ้าของร้าน
หลังจากเดินเล่นแล้วเราก็มารับประทานอาหารเย็นพื้นเมืองที่โรงแรมที่เราพัก อากาศวันนี้เย็นมากเราจึงไม่ไปชม