ซาลส์บวร์ก
พวกเราใช้เวลาในการเดินทางจากเซ็นต์วุลฟ์กังไปซาลส์บวร์ก เป็นเวลา 30 นาที
ซาลส์บวร์ก (salzburg ) คำว่าซาลส์ (Salz) ในภาษาเยอรมันแปลว่าเกลือ ซาลส์บวร์กแปลตามตัวได้ว่าปราสาทเกลือ ดินแดนแถบนี้เป็นแหล่งค้าเกลือเก่าแก่มาแต่โบราณ เกลือในสมัยก่อนเป็นสิ่งที่หายาก ฉะนั้นใครมีเกลือจึงเปรียบเสมือนมีทองคำ ดังนั้นเมืองนี้จึงร่ำรวยมั่งคั่งมาตั้งแต่อดีต
เมืองนี้ตั้งอยู่ประมาณกึ่งกลางระหว่างอินส์บรูคและเวียนนาจึงมีลักษณะที่กึ่งภูเขากึ่งที่ราบตั้งอยู่ที่ระดับ 425 เมตรตรงเชิงเขาด้านเหนือของเทือกเขาแอลป์ด้านตะวันออก มีจุดเด่นคือน้ำในแม่น้ำซาลส์ซักค์ (Salzach) จะมีสีออกเขียวมรกตสวยงามมาก สาเหตุเพราะมีเกลืออยู่มาก ที่นี่เต็มไปด้วยศิลปะแบบบาโรคจนได้ชื่อว่าเป็นนครหลวงแห่งศิลปะบาร็อค และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้เมื่อปี ค.ศ. 1997 เมืองนี้เป็นบ้านเกิดของคีตกวีเอกของโลก วูฟกังก์ อมาเดอุส โมสาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) และ เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์อมตะเรื่อง The Sound of Music
รถพาเราส่งสวนมิราเบล( mirabell garden)
สวนมิราเบล เป็นสวนสาธารณะที่สวยที่สุดในซาล์ลบวร์ก ซึ่งเดิมทีเป็นสวนในพระราชวังเดิมถูกออกแบบโดย Johann Bernhard Fischer von Erlach สวนสร้างในรูปแบบเรขาคณิต ถูกตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้หลากสี มีรูปปั้นเทพเจ้าและน้ำพุ เป็น “สวนแบบบารอค” ที่สวยงาม เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมความงามของสวนในปี 1858 โดยพระเจ้า Franz Joseph และยังเป็นสถานที่ที่ถ่ายทำเรื่อง THe sound of music
สวนมิราเบล
ทางเข้าดูเล็กๆไม่สมกับคำร่ำรือ
เมื่อมองตรงไปจะเห็น น้ำพุ และป้อมปราการโฮเฮนซาลส์บวร์ก อยู่หน้า
สวนมิราเบล
ภาพยนตร์ The Sound Of Music สร้างจากหนังสือชื่อ The Von Trapp Family ซึ่งเขียนโดย Maria Von Trap ภาพยนตร์มีความยาว 2 ชั่วโมง 47 นาที นำแสดงโดย Julie Andrew และ Christopher Plummer ออกฉายครั้งแรกในปี 1965 โดยลิขสิทธิ์ของบริษัท Twentieth Century Fox และกวาดห้ารางวัลออสการ์ในสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม เพลงประกอบยอดเยี่ยม เสียงยอดเยี่ยม ทิวทัศน์ยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
เรื่องย่อ the sound of music พ่อม่ายนายพันเศรษฐี มีลูกติด 7 คน ซึ่งเลี้ยงลูกด้วยความเข้มงวด ทำให้ลูก ๆ แต่ละคน มีนิสัยก้าวร้าว แข็งกระด้าง ไม่เว้นแม้แต่เด็กหญิงตัวน้อย เป็นผลให้พี่เลี้ยงที่จ้างมาแต่ละคนนั้น ไม่เคยได้อยู่ในบ้านนาน ๆ เลย เป็นต้องลาออกจากงาน ด้วยสารพัดวิธีกลั่นแกล้งของเด็ก ๆ ทั้ง 7 คน
แต่ต่อมา คุณพ่อม่ายก็ได้จ้างแม่ชีสาวสวยนามว่า มาเรีย มาเป็นพี่เลี้ยงคนใหม่ เธอถูกกลั่นแกล้ง แต่เธอก็รับมือกับเด็ก ๆ ได้ และเธอก็กลายเป็นที่ชื่นชอบของเด็ก ๆ เสียด้วย และเธอก็เริ่มสอนเด็ก ๆ ให้รู้จักความมีชีวิตชีวา สอนให้รู้จักการร้องเพลงและการแสดง จนบ้านหลังนี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้น ในที่สุดผู้พันก็ตกหลุมรักมาเรียและแต่งงานกันในที่สุด
รูปปั้นเทพเจ้ากรีก
พวกเราเดินออกมาจากสวนมิราเบลเพื่อตรงไปยังเขตเมืองเก่า เมื่อออกมาเราก็มองเห็นป้อมโฮเฮนซาลส์บวร์ก อยู่บนเขา
ป้อมโฮเฮนซาลส์บวร์ก (Festung Hohensalzburg) เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของอำนาจทางโลกของเจ้าชยบิชอป อาร์คบิชอปเกบฮาร์ด ( Erzbischof Gebhard) สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1077 เพื่อเป็นที่พำนักหลวงและป้องกันข้าศึก แต่มาสร้างเสร็จในปีค.ศ. 1681 ปัจจุบันได้รับการยกย่องว่าเป็นป้อมปราการซึ่งหลงเหลือความสมบูรณ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกภายในมี ตำหนักใหญ่ คุกใต้ดิน ห้องทรมานนักโทษ สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือเตาผิงที่ปูด้วยกระเบื้องที่มีความทนทานมาตั้งแต่ปี 1501 ในห้องทอง ( Golden room )และในห้องมีภาพจากคัมภีร์ไบเบิลด้วย
ป้อมโฮเฮนซาลส์บวร์ก
แม่น้ำซาลส์ซักค์ (Salzach ) เป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านออสเตรียและเยอรมันมีความยาว 225 กิโลเมตร และเป็นแม่น้ำสายหลักในประเทศออสเตรีย
มองเห็นป้อมโฮเฮนซาลส์บวร์กดูโดดเด่น
วิวบนแม่น้ำซาลส์ซักค์
อีกฝั่งหนึ่ง
วิวบนแม่น้ำซาลส์ซักค์
พวกเราเดินตรงไปยังถนนเกไทรเดร้( Getreidegasse)บ้านเรือนที่ตั้งอยู่เรียงรายบนถนนสายนี้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15-18 ลักษณะเด่นคือมีลานบ้านที่มีหลังคาอันสวยงาม ป้ายเหล็กที่ทำด้วยมือและกรอบหน้าต่างเป็นภาพปูนปั้นแกะสลัก ปัจจุบันเป็นย่าน shopping ที่มีร้านค้าแบรนด์เนมมากมายและมีสถานที่ที่น่าสนใจมากได้แก่พิพิธภัณฑ์โมสาร์ท
โวล์ฟกัง อมาเตอุส โมสาร์ท เป็นคีตกวีผู้ยิ่งใหญ่ของโลก เกิดที่ ซาลสเบร์ก เมื่อวันที่ 27 มกราคม ค.ศ.1759 เป็นลูกชายของ เลโอโปลด์ โมสาร์ท นักดนตรีผู้มีชื่อเสียงของออสเตรีย ที่มีอัจฉริยภาพทางดนตรีมาแต่กำเนิด เขาแสดงอัจฉริยภาพทางดนตรีตั้งแต่อายุเพียงสามขวบ เมื่ออายุเพียง 5 ขวบโมสาร์ทก็มีความสามารถในการแต่งเพลงได้แล้ว เพลงแรกที่เขาแต่งนั้นคือการแต่งเติมเพลง minuet ของพ่อที่ได้แต่งค้างไว้ยังไม่เสร็จ เมื่อพ่อเห็นความสามารถในด้านดนตรีแล้วจึงออกเดินทางไปแสดงดนตรีในที่ต่าง ๆ หลายแห่งทั่วยุโรป นอกจากนี้ยังเล่นดนตรีถวาย พระนางมาเรีย เทเรซา ที่กรุงเวียนนา ออสเตรีย ซึ่งเป็นราชินีที่ยิ่งใหญ่พระหนึ่ง โมสาร์ทได้รับการจุมพิตจากสมเด็จพระราชินีพระองค์นี้ที่ได้ประทานให้แก่เขาด้วยความเอ็นดู โมสาร์ทเสียชีวิต ด้วยโรคไข้ไทฟลอย์ที่กรุงเวียนนาขณะที่เขายากจนแสนเข็ญ และมีหนี้สินรุงรังด้วยอายุเพียง 35 ปีเท่านั้น
พิพิธภัณฑ์โมสาร์ท
พิพิธภัณฑ์โมสาร์ทเกบูร์ตสเฮาส์ Mozart Geburtshaus (Mozart Birthplace )บ้านสีเหลืองเลขที่ 9 เป็นสถานที่ที่โมสาร์ทที่โมสาร์ทเกิดเขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มากกว่า 20 ปี ต่อมาเขาย้ายไปอยู่อีกหลังหนึ่ง บ้านหลังนี้ถูกดัดแปลงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ภายในบ้านหลังนี้ออกแบบโดย Robert Wilson นักศิลปะชาวอเมริกัน โดยมี การออกแบบให้เหมือนตอนที่โมสาร์ทมีชีวิตอยู่มากที่สุด ภายในนี้รวบรวมเรื่องราวและเครื่องดนตรีในสมัยเด็กของโมสาร์ท ไม่ว่าจะเป็นไวโอลินหรือเปียโน นอกจากนั้นยังมีรูปภาพและจดหมายที่เขียนถึงกันในครอบครัว
โมสาร์ท
เป็นจตุรัสย่านกลางเมืองอยู่ใกล้กับ มหาวิหารแห่งเมืองซาลส์บวร์ก( Salzburg Cathedral)
มีน้ำพุสไตล์บาร็อค เป็นจุดเด่นของจตุรัสนี้
จตุรัสเรสซิเดนท์ (Residenzplatz)
มหาวิหารแห่งเมืองซาลส์บวร์ก( Salzburg Cathedral)สร้างในสมัยเรอเนซองส์ตอนปลายต่อบาโรคตอนต้น ถือเป็นโบสถ์บาโรคยุคแรก สร้างขึ้นใหม่เพื่อแทนโบสถ์หลังเดิมที่ถูกไฟไหม้ใหญ่จนเกินซ่อมแซม มหาวิหารหลังนี้ถูกระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถล่มเสียหาย แต่ต่อมาได้รับการบูรณะให้งดงามดังเดิม
Salzburg Cathedral
ด้านในมหาวิหารสวยงามสไตล์บาร็อค
มหาวิหารแห่งเมืองซาลส์บวร์ก
เราเดินไปถ่ายรูปจตุรัสโมสาร์ท
อนุสาวรีย์โมสาร์ทถูกสร้างขึ้นกลางจตุรัสโมสาร์ท มีรูปปั้นยืนตระหง่านอยู่
จัตุรัสโมสาร์ท (Mozart Square)
ในปีที่โมสาร์ทเสียชีวิตนายพอล เฟอสต์(Paul Furst) เจ้าของร้านขนม ได้คิดทำขนม สูตรใหม่ใช้ชื่อว่า ขนมโมสาร์ท (Mozart kugein) ซึ่งได้รับความนิยมล้นหลาม การฟื้นฟูกระแสความนิยมโมสาร์ทได้รับความนิยมอย่างสูง หลังจากที่โมสาร์ทออกจากเมืองนี้ไป เมืองนี้จึงรุ่งเรืองเฟื่องฟูขึ้นมาได้ด้วยการใช้โมสาร์ทเป็นจุดขาย ไม่ว่าจะเป็น ขนมหวาน ขนมเค้ก
รูปปั้นโมสาร์ท
หลังจากถ่ายรูปได้สักพักใหญ่ พวกเราเดินกลับไปย่าน shopping ต่อ
ร้านค้าแบรนด์เนมมากมายเรียงรายทั้ง 2 ฝั่ง
ป้ายร้านค้าทำจากเหล็กออกแบบอย่างน่ารัก
ป้ายร้าน ZARA
จุดเด่นของถนนเส้นนี้คือป้ายเหล็กที่แสดงสัญลักษณ์ของร้าน แต่ละร้านจะมีรูปแบบเอกลักษณ์เฉพาะตัว เหตุผลในการมีป้ายสัญลักษณ์ของแต่ละร้านก็เพราะว่าในสมัยยุคกลาง ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้หนังสือ แต่ละร้านจึงทำสัญลักษณ์ของร้านเพื่อให้ลูกค้าจำได้ว่าร้านไหนเป็นร้านไหน ปัจจุบันประชาชนอ่านออกเขียนได้ แต่ร้านค้าก็ยังคงป้ายร้านกันไว้อยู่เพื่อความสวยงาม
ป้ายร้านค้า
Kapitelschwemme (Horse Pond หรือ สระน้ำม้า) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1695 โดยFischer von Erlach. เพื่อให้เป็นที่ดื่มน้ำและอาบน้ำของม้าของอาร์ชบิชอปผู้ครองนคร
Kapitelschwemme
ใกล้ๆกันมีพิพิธภัณฑ์ของเล่นเด็ก The Salzburg Toy Museum (folk collection)
Kapitelschwemme
พิพิธภัณฑ์ของเล่นเด็ก The Salzburg Toy Museum (folk collection) เปิดเมื่อปี 1978 เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมของเล่นพื้นบ้านได้แก่ ของเล่นที่ทำจากไม้, ดิน, ตุ๊กตาและบ้านตุ๊กตา เป็นต้น
พิพิธภัณฑ์ของเล่นเด็ก
ป้ายพิพิธภัณฑ์ยังน่ารักสมกับเป็นพิพิธภัณฑ์ของเล่น
เราเดินย้อนกลับไปยังถนนเกไทรเดร้ เพื่อเที่ยวชมร้านค้าต่างๆโดยเฉพาะร้านขายของที่ระลึกจะมึตุ๊กตาน่ารักมากมาย
ตุ๊กตาเล่นดนตรีน่ารักมาก แต่ราคาก็สูงมากด้วย
ตุ๊กตาดนตรีเด็กสีไวโอลิน สมกับเป็นเมืองบ้านเกิดของโมสาร์ทเลย
พวกเรารับประทานอาหารกลางวันที่ ภัตตาคารจีน yuan china resturantจากนั้นก็เดินทางต่อไปยังมิวนิค
แต่แล้วพวกเราก็ไม่ได้ไปshoppingที่มิวนิคเพราะการบินไทย cancel flight เนื่องจาก vocano ยังไม่ทุเลาและสนามบินมิวนิคปิดอยู่ ไกด์จึงพาพวกเราจึงเดินทางสู่สนามบินมิวนิคเพื่อรอขึ้นเครื่อง เผื่อว่าจะมีสายการบินกลุ่ม star alliance สามรถบินไปได้ แต่ปรากฎว่าไม่มีสายการบินใดบินได้เลย แต่ก็ยังดีที่สนามบินมิลานเปิด พวกเราจึงตกลงกันว่าจะไปขึ้นเครื่องที่สนามบินมิลานแทนในวันที่ 22 พ.ค. นี้
ดังนั้นพวกเราจึงหาที่พักโดยไปนอนพักที่ Kempinski Hotel Airport ค่าที่พัก 295 ยูโรต่อคืนไม่รวมอาหารเช้า ปัญหาแค่นี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเที่ยวของพวกเรา จึงวางแผนว่าจะไปเที่ยวในเมืองมิวนิคพรุ่งนี้ต่อ