Queentown
วันที่ 11เมษายน 2554
วันนี้พวกเราเที่ยงแบบสบายๆเพราะเราอยู่ในเมือง queentown ทั้งวัน จากแผนการท่องเที่ยวเรากะว่าจะขึ้นยอดเขา mount peak เพื่อนั่ง sky gondola ชมวิว แต่เรามองจากระเบียงห้องนอน ปรากฎว่ายังไม่เปิด จะเปิดให้ขึ้นประมาณ 9 โมงเช้า เราจึงเปลี่ยนแผนไป เล่น shower jet ก่อนโดยจองจากโรงแรมไป พวกเราจองรอบ 10.00 น.
ค่าเล่น jet boat ผู้ใหญ่ 119 เหรียญ และเด็ก (อายุมากกว่า 5 ปี ) 69 เหรียญ เวลา 9.00 น – 17.00 น. โดยสามารถขึ้นรถของบริษัทที่หน้า office รถจะออกทุกๆ 15 นาที
พวกเราไปจ่ายเงินและรับตั๋วที่ office ในเมืองqueentown จากนั้นก็ขับรถไปยังท่าขึ้นเรือ ที่ Arthurs pont ที่อยู่ Shotover Jet Beach, Gorge Roadระยะทาง 7 กิโลเมตร ( 10 นาที )
พวกเรามาถึงท่าขึ้นเรือเจ็ท สภาพโดยรวมสวยงาม ล้อมรอบด้วยภูเขาและแม่น้ำ
ในช่วงทศวรรษที่ 1950 เรือเจ็ทได้ถูกคิดค้นขึ้นโดย “บิล ฮามิลตั้น (Bill Hamilton)” ซึ่งเป็นวิศวกรและชาวสวนท้องถิ่น ได้ออกแบบเรือเจ็ทซึ่งสามารถขับเคลื่อนไปได้แม้ในแม่น้ำที่ตื้น โดยอาศัยหลักการของน้ำที่ใช้เครื่องยนต์พ่นออกมาอย่างรวดเร็ว (Water – jet) ซึ่งต่อมาภายหลังงานประดิษฐ์ของเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง และได้รับ ความแพร่หลายไปทั่วโลก จนในที่สุดเขาได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็น “เซอร์ วิลเลี่ยม ฮามิลตั้น (Sir William Hamilton)” สำหรับผลงานการประดิษฐ์อันทรงคุณค่า
ในqueentown มีบริษัทเรือเจ็ทหลายแห่งให้เลือกแต่พวกเราเลือกที่นี่เพราะบริษัทแรกที่นำเรือเจ็ทมาบริการ โดยเปิดกิจการตั้งแต่ปี 1970 ก่อนบริษัทอื่น แล้วเส้นทางเรือเจ็ทของที่นี่ดูแล้วน่าตื่นเต้นเร้าใจมากกว่าที่อื่นเพราะเป็นต้นตำรับของ เรือเจ็ท
มองลงไปจะเห็นแม่น้ำ shotover และเกาะแก่ง
ที่นี่จะเตรียมเสื้อกันน้ำและลมให้ใส่ พร้อมทั้งชูชีพ แต่ขณะเล่นอากาศอาจจะหนาวเย็นต้องใส่เสื้อหนาๆด้วย
เป็นการนั่งเรือเร็ว Jet boat ที่ขับไปตามแม่น้ำ Shotover ที่ค่อนข้างคดเคี้ยวที่สวยงามจะแล่นผ่านช่องเขาช็อตโอเวอร์ (ShotoverCanyon) ซึ่งคดเคี้ยวไปมาและหมุน 360 องศา โดยคนขับเรือจะทำโค๊ดมือบอกทุกครั้งที่มีการหมุน 360 องศา ใช้เวลาในการเล่นประมาณ 1ชั่วโมง
เราคิดว่าเป็นกิจกรรมที่สนุกแเต่ยังไม่ตื่นเต้นเท่าที่ควร อาจจะเป็นเพราะเราเล่นกิจกรรมโลดโผนมาเยอะก็ได้
จากนั้นพวกเราก็กลับเข้าเมืองไปยัง i site เพื่อจองตั๋วขึ้น ยอดเขา bob peak
skyline gondola อยู่บนถนน Brecon Street
พวกเราเดินมาจากลานจอดรถก็สะดุดตากับที่นี่ จะมีเจ้านกกีวีเป็นๆให้ชมนอกจากนี้ยังมีนกนานาชนิดเช่น นก kea, falcon เป็นต้น ค่าเข้าชมผู้ใหญ่คนละ 38 เหรียญ ซึ่งจะมีกิจกรรมในการให้อาหารนกกีวี เวลา 10.00 น. 12.00 น. 13.30 น. และ 16.30 น.
Kiwi Birdlife park
ด้านฝั่งตรงกันข้ามก็เป็นที่ตั้งของอาคาร skyline
การจองตั๋วที I site ทำให้เราได้ส่วนลดจากการจองที่นี่ด้วย
gondola ราคา 25 เหรียญ
gondola และ luge 1 รอบ 33 เหรียญ
พวกเราจอง gondola +lude 5 รอบ ราคาปกติ 48 เหรียญ ราคาจองจาก i site ราคา 45 เหรียญได้แถม ludeอีก 1 รอบ รวมเป็น 6 รอบ
อาคารที่จะไปขึ้นกอนโดล่า
Queenstown เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดจนได้ชื่อว่าเป็น Switzerland of the South ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาขนาดใหญ่ที่ชื่อ The Remarkablesซึ่งอุดมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงามบนชายฝั่งของทะเลสาบ วาคาติปู (Wakatipu) ที่ล้อมรอบไปด้วยต้นปอปล่าร์ ( poplar trees )ที่สูงเพรียว และต้นหลิว (Weeping Willow Tree) จึงทำให้วิวทิวทัศน์ของที่นี่งดงามราวกับภาพฝัน ทีเป็นรูป z ล้อมรอบ และเป็นเมืองได้ชื่อว่า “Adventure Capital of the World” ที่นี่มีกิจกรรม เช่น เรือเจ็ท ล่องแก่ง สกี bungy จักรยานเสือภูเขา และล่องเรือกลไฟโบราณ
Gondola โดยเปิดบริการเมื่อ ค.ศ. 1987 ที่ระดับความสูง 790 เมตร เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 3.5 เมตรต่อวินาที
เมื่อขึ้นถึงข้างบนจะสร้างเป็นอาคารอเนกประสงค์ โดยชั้นบนสุดจะร้านอาหารและภัตตาคาร เมื่อเดินออกไปภายนอกมีระเบียงยื่นออกมาด้านนอกสำหรับชมทัศนียภาพรอบควีนส์ทาวน์
ภัตตาคารจะมีบุฟเฟ่ทั้งอาหารกลางวันและอาหารค่ำราคามื้อกลางวัน 26 เหรียญและอาหารค่ำ 36 เหรียญ ซึงควรจะโทรมาสำรองที่นั่งก่อน เราสามารถเห็นวิวของเมืองที่สวยงาม โดยเฉพาะมื้อค่ำ สามารถชมวิวพระอาทิตย์ตกยามเย็น
เราสามารถมองเห็นเมืองควีนทาว์นได้ทั้งเมือง จะเห็น queentown bay , queentown garden และ lake wakatipu โดยมีเทือกเขา remarkable อยู่เบื้องหลัง
lake wakatipu เป็นทะเลสาบที่ใหญ่อันดับที่ 2 ของเกาะใต้ รองลงมาจาก ทะเลสาบ Teanau เป็นทะเลสาบรูป ตัว z ( z shape ) อันเกิดจากการไหลของธารน้ำแข็ง มีความยาว 84 กิโลเมตร มีความกว้างที่สุด 5 กิโลเมตรและลึกสุด 399 เมตร เนื้อที่ครอบคลุมถึง 290 ตารางกิโลเมตร
วิวเมืองควีนทาว์น
เทือกเขา remarkables เป็นแนวยาวสวยงาม
เราสามารถมองเห็น Queentown garden สวนสาธารณะของเมือง queentown ได้อย่างชัดเจน
สามารถชมทัศนียภาพพาโนรามาแบบรอบทิศได้ 220 องศา เมื่ออยู่บนยอดเขาบ็อบพีค
บนยอดเขาบอบพีคมีกิจกรรม bungy ด้วย ซึ่งก็เป็นของบริษัท AJ Hackket
ที่ความสูง 47 เมตร ราคา 180 เหรียญแถม T- shirt 1 ตัว
หลังจากพวกเราถ่ายรูปภาพจนหนำใจแล้ว เราก็รับประทานอาหารกลางวันบนนี้ แล้วก็รีบไปเล่นลูจจ์ ซะหน่อย
พวกเราขึ้นกระเช้าเพื่อไปเล่นลูจจ์
วิวบนกระเช้าที่เล่นลูจสวยงามมาก
เครื่องเล่นยอดนิยม“ลูจจ์ (Luge)” เลื่อนท้องแบนแบบสามล้อ ควบคุมความเร็วด้วยเบรคมือ จะมี2 เส้นทางให้เลือกคือ
1. scenic track เหมาะกับมือใหม่หัดเล่น
2. Advance track เหมาะกับนักซิ่งที่ต้องการความเร็วและตื่นเต้น
เราเล่นแบบ scenic แค่ 1 รอบก่อนเพื่อซ้อมมือหลังจากนั้นเราเล่นแบบ adventure ซึ่งสนุกมาก เล่นจนครบ 6 รอบกินเวลาเกือบ 1.30 ชั่วโมงเพราะ ในแต่ละรอบต้องเสียเวลาขึ้นกระเช้า สนุกมากเล่นจนหน้าดำเลยเพราะแดดแรงมาก
ลานที่ใช้เล่นลูจเป็นเส้นที่สวยงามมาก
รูปสุดท้ายก่อนลงจากยอดเขา
พวกเราเดินทางไปยังGlenorchy
Queenstown-Glenorchy 45 km ( 40 นาที )
เป็นเมืองเล็กๆที่เงียบสงบ อยู่มีทัศนียภาพที่สวยงาม เป็นเมืองที่อยู่ตอนเหนือสุดของทะเลสาบ Wakatipu
ขับรถไปตามเส้นทางทะเลสาบ Wakatipu
เส้นทางที่สวยงามและทะเลสาบที่ใสสะอาด
เป็นเมืองที่สวยเหมือนภาพวาด เห็นแล้วมีความสุขใจ
ต้นไม้สีเหลืองตัดกับท้องฟ้าดูแล้วสวยงาม
สะพานไม้ริมทะเลสาบ
สวยจนบรรยายไม่ถูก
และเราก็อำลาเมืองนี้กลับไปยังควีนทาว์นต่อ
พวกเรากลับมาที่โรงแรมเพื่อล้างหน้าล้างตาจากนั้นพวกเราก็เดินออกไปเล่นในเมืองกันโดยอยู่ไม่ไกลจากที่เราพักเท่าไร
พวกเราเดินข้ามฝั่งมาถึง Church street โบสถ์เซ็นต์ปีเตอร์สร้างขึ้นในปี 1861ตั้งอยู่บนชายฝั่งของอ่าวควีนทาว์น ( Queentown bay )
St Peter’s Church
ย่านดาว์นทาวน์ของควีนส์ทาวน์มีความยาวไม่เกิน 2 ตารางกิโลเมตร ทำให้ร้านค้าและร้านอาหารส่วนใหญ่สามารถเดินถึงกันได้
พวกเราเดินข้ามฝั่งมายัง mall street ซึ่งเป๋นย่านดาว์นทาว์น
บริวเวณนี้มี ร้านอาหารทันสมัย ร้านกาแฟ ไนต์คลับ แหล่งช้อปปิ้งมากมาย
พวกเราเดินไปยัง marine parade ที่อยู่ใกล้ๆกัน
ซึ่งบริเวณนี้จะเห็นอ่าวจอดเรือ และ Steamer Wharf building
นักสำรวจ William Gilbert Rees และ Nicholas Von Tunzelman เป็นชาวยุโรปกลุ่มแรกที่มาตั้งรกรากที่นี่ ซึ่ง Rees เคยเดินทางมาสำรวจที่แห่งนี้ก่อนแล้วตั้งแต่ ปี คศ.1860 อย่างไรก็ตามหลังจากช่วงแรก การหาเลี้ยงชีพด้วยการทำฟาร์มแต่ในปี คศ.1862 ได้มีการค้นพบทองที่ แม่น้ำ Arrow ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก โดยมีเมืองใกล้เคียงได้แก่ Arrowtown, Wanaka, Alexandra และ Cromwell
บริเวณนี้จะมีร้านอาหาร มุมเล็กๆน่ารัก บรรยากาศดีน่านั่งเล่น
ท่าจอดเรือ TSS จะมี Steamer Wharf building อยู่ด้านหลัง
เรือกลไฟโบราณ “ทีเอสเอสเอิร์นสลอว์ (Twin Screw Steamer Earnslaw)” เรือที่มีส่วนในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารมาตั้งแต่ ปี 1912 เป็นเรือกลไฟรุ่นอนุรักษ์ ที่ใช้พลังงานไอน้ำจากถ่านหิน เป็นเครื่องจักรคู่ขนาด 500 แรงม้า เช่นเดียวกับที่เคยใช้เมื่อในอดีตกาลนานมาแล้ว ภายในเรือตกแต่งด้วยไม้และทองเหลืองอย่างงดงาม เป็นเรือโดยสารเพียงหนึ่งในไม่กี่ลำซึ่งเหลือ อยู่ในซีกโลกใต้
เรือล่องทะเลสาบ Wakatipu อันสวยงาม ไปยัง Walter Peak Farm ระยะเวลา 1.50 ชม ค่าชม 50 เหรียญ ต่อคน สามารถเลือกทาน บุฟเฟ่กลางวันและเย็นได้ ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงราคา 115 เหรียญ
TSS Earnslaw
Streamer Wharf
บริเวณนี้นอกจากจะมีท่าจอดเรือแล้ว ก็มีสะพานทอดยาวให้นั่งชมวิว
วิวสวย
อีกฝั่งหนึ่ง
หลังจากชมวิวที่สวยงามแล้ว พวกเราก็เดินกลับมายัง steamer wharf building
ในนี้มีร้านอาหารและบาร์และนี่เป็นบาร์ที่อยู่ใต้ดิน ทุกอย่างทำด้วยน้ำแข็ง ตั้งแต่เก้าอี้ไปจนถึงเเก้ว ทำให้อุณหภูมิติดลบ แต่ไม่ต้องกลัวหนาวเพราะเขาจะมีเสื้อกันหนาวและรองเท้าให้ใส่ ราคาคนละ 32 เหรียญ โดยจะมีว๊อดก้าหรือ เครื่องดื่ม cocktail ให้ 1 แก้ว
Minus 5°
แต่เรามีเป้าหมายอยู่ที่ร้านไอศครีมจึงเดินออกมาทาง marine parade บริเวณ beach street
Chocolate patagonia ไอศครีมเล็กๆน่านั่งนี้ขายไอศครีมและซ็อกโกแลต และวาฟเฟิล รวมทั้งกาแฟด้วย มี 2 สาขาคือที่ Queentown และ Arrowtown
ไอศครีมมีมากกว่า 30 รส ราคา 5.5 เหรียญ เนื้อเนียนอร่อยมาก เรากินไอศครีม 2 ถ้วยแนะ
เราออกมาถ่ายรูปแสงอาทิตย์ยามเย็นอีกครั้ง
แล้วก็ไปเดินเล่นต่อเพื่อซื้อของฝาก ที่เมืองนี้ ราคาของสินค้าที่ระลึกและขนสัตว์จะถูกกว่าเมืองอื่น อาจเป็นเพราะมีร้านค้าเยอะและเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมากก็ได้ ร้านค้าที่นี่ปิดประมาณ 4 ทุ่ม เมืองนี้เราสามารถหาอาหารเอเชียกินได้ง่ายเพราะมีร้าน supermarket เปิดโดยชาวเกาหลี แต่มีของเอเชียทุกอย่าง รวมทั้งอาหารไทยด้วย เช่น ซาลาเปา น้ำปลา เครื่องแกง มีครบหมด แต่เราเหนื่อยเกินกว่าจะทำกับข้าวกิน ดังนั้นจึงฝากท้องไว้ที่ภัตตาคารเกาหลีเพื่อรับประทาทานหมูย่างเกาหลีแบบเป็น set ราคา 18 เหรียญต่อ 1 set