Maldives- Kurumba Resort
เราซื้อแพคเกจโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์มัลดีฟส์ 4 วัน 3 คืน ถ้าโดยสารสายการบินบางกอกแอร์เวย์ในช่วงนี้จะมาถึงรีสอร์ท 11.40น. แต่กลัวเครื่องบินdelay จึงตัดสินใจว่าจะพักที่อื่นในมัลดีฟส์ 1 คืนก่อนไปพักที่ เซ็นทารา เราค้นหาข้อมูลพอสมควร ในที่สุดเราก็ตัดสินใจไม่ไปพักที่มาเล่ แต่เราอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวรีสอร์ทอื่นๆดูบ้าง จึงเลือก Kurumba resort ซึ่งไม่ไกลจากสนามบินเท่าไร โดยจองจาก Agoda
1 พฤษภาคม 2556
ในที่สุดก็ถึงวันเดินทางไปเที่ยวมัลดีฟส์สักที เราจองสายการบินบางกอกแอร์เวย์ เนื่องจากเป็นสายการบินที่บินตรงถึงมัลดีฟส์เลย และใช้เวลาไม่นานในการเดินทางด้วย
เครื่องบินออกเวลา 09.30 น.เที่ยวบิน PG711
เราเข้ามา check in สายการบินบางกอกแอร์เวย์ที่แถว F หลังจากนั้นเราก็เดินหาเลนจ์ของบางกอกแอร์เวย์ เลานจ์ของสายการบินนี้อยู่บริเวณ Gate A3 แล้วเดินลงมาทางชั้น 3 ซึ่งไกลจาก Gate ที่เราจะต้องขึ้นเครื่องมาก แต่หาอะไรลองท้องก่อนขึ้นเครื่องก่อนดีกว่า
พอเข้ามาก็ยื่นboarding pass ให้พนักงานที่ counter ต้อนรับ จากนั้นเราก็เริ่มเดินภายในบริเวณนี้
บางกอกแอร์เวย์เลานจ์
อาหารที่มีในเลานจ์ก็มีแซนวิส ข้าวต้มมัด เค็กกล้วยหอม พายไก่และขนมปัง
อีกด้านก็มี popcorn ชา กาแฟ ชามะนาวเย็น
หลังจากนั่งรับประทานสักพักเราก็รีบเดินไปที gate D8 ซึ่งอยู่ไกลจากเลานจ์มาก วันนี้เครื่อง delay ชั่วโมงครึ่ง
ลำนี้เป็นเครื่องบินที่เราขึ้น ใช้เวลาในการเดินทาง 4 ชั่วโมงกว่าๆ
อาหารบนเครื่องบิน เราเลือกเป็นเมนูข้าวราดกุ้งผัด สลัดและขนม รสชาดพอทานได้แต่ไม่ค่อยอร่อยสักเท่าไร
เรานั่งๆหลับๆร่วม 4 ชั่วโมงในที่สุดก็เริ่มเห็นวิวสีฟ้าสดใสของประเทศมัลดีฟส์แล้วละ
สนามบินมัลดีฟส์เป็นสนามบินเล็กๆพอๆกับสนามบินภูเก็ต ลงจากเครื่องก็เดินเข้าสู่ภายในตัวอาคารของสนามบินผ่านไอแดดที่ร้อนพอสมควร
เราผ่านกองตรวจคนเข้าเมืองและมีข้อห้ามในการนำของเข้าเมือง เช่น เหล้าและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ อาหารประเภทเนื้อหมู ห้ามนำสุนัขหรืออาวุธ เข้าเมือง
เราเดินออกจากสนามบินไปด้านขวาก็เจอบู๊ทโรงแรมมากมาย เพื่อรอรับผู้โดยสารของแต่ละโรงแรมเดินทางไปยังโรงแรมของตน
เมื่อมาถึงบู๊ท เราก็พบกับพนักงานของโรงแรม พอเราแนะตัวตัวเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็พาพวกเราเดินทางไปยังท่าเรือ
สนามบินนานาชาติของมัลดีฟส์จะตั้งอยู่บนเกาะในมาเล่ อะตอล (Male’) ซื่งอยู่ใกล้กับเมืองหลวงของมัลดีฟส์นั่นก็คือ มาเล่การเดินทางจากสนามบินไปยังเกาะต่างๆก็สามารถเลือกได้โดยการใช้ เรือด่วน (Speed boat) หรือ เครื่องบินน้ำ (Sea Plane)
พวกเราเดินออกมาจากสนามบินก็เห็นทะเลเลย
มาเล่( Male)
จากท่าเรือมองออกไปก็เห็นมาเล่เมืองหลวงของมัลดีฟส์ ซึ่งมีระยะห่างประมาณ 3.36 กิโลเมตร การจะเดินทางไปเมืองหลวงต้องเดินทางโดยเรือเท่านั้น
เรือโดยสารที่บรรทุกผู้โดยสารไปยังเมืองมาเล่ ค่าโดยสารคนละ 1 ดอลล่าร์
เรายืนรอประมาณ 5 นาที Speed boat ของโรงแรมก็มารับเรา ซึ่งมีผู้โดยสารเพียง 2 คนเท่านั้น ส่วนตัวม๊ากมาก ค่าโดยสารโรงแรมเรียกเก็บคนละ 60 ดอลลาร์
ภายในเรือติดแอร์และตกแต่งอย่างสวยงาม พนักงานของโรงแรมพาเราเข้าไปนั่งด้านใน มีผ้าเย็นและน้ำเย็นให้ดื่มเมื่อขึ้นบนเรือ หายร้อนเลยทีเดียว
เรือค่อยๆออกจากฝั่งและเห็นเมืองมาเล่แต่ไกล แต่คลื่นลมแรง เรือกระแทกไป มา ทำให้เราไม่ค่อยได้ถ่ายรูปสักเท่าไร
แผนที่ดาวเทียม kurumba maldives resort มีระยะห่างจากสนามบินนานาชาติ 4.71 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 10 นาที
Kurumba Maldives resort
Kurumba Resort ตั้งอยู่ในบริเวณVihamanafushiบริเวณอะทอลมาเล่เหนือตั้งอยู่ที่ริมทะเล บนชายหาดส่วนตัว โรงแรม 5 ดาว มีห้องพักมากถึง 180 ห้อง
ในที่สุดก็มาถึงโรงแรมแห่งนี้
เรือกำลังเทียบท่า มีพนักงานของรีสอร์ยืนยิ้มแย้มต้อนรับอยู่
ทางเดินเข้าสู่โรงแรมดูร่มรื่น
ขณะเดินบนสะพาน เรามองไปในน้ำใสแจ๋วก็เห็นปลาฉลามหลายตัวว่ายไปมาในน้ำ ช่างน่าตื่นเต้นจัง พนักงานของโรงแรมบอกว่ามันเป็นปลาฉลามกินพืช ไม่ต้องกลัวมันกัดหรอก
เจ้าหน้าที่พาพวกเรามา check in จะมีเจ้าหน้าที่อีกคนคอยต้อนรับเราชื่อ Mr. Joy
พนักงานที่นี่คงจะมีน้อยเพราะ Mr. Joy แกทำหน้าที่ทุกอย่าง ตั้งแต่ต้อนรับเสริฟ welcome drink รวมทั้งพาพวกเราไปส่งที่ห้องพัก
welcome drink ที่นี่เป็นไอศครีมมะพร้าว ซึ่งเหมาะกับอากาศร้อนๆมาก รสชาดไอศครีมเข้มข้นมาก อาจจะมีมะพร้าวเยอะ ไอศครีมจึงทำจากหัวกระทิล้วนๆ
พวกเรานั่งรอไม่ถึง10นาที พนักงานก็พาพวกเราไปยังงห้องพัก
ห้องที่พวกเราจองเป็นแบบDeluxe Bangalow เลขที่ 178 มีขนาด 74 ตารางเมตร อยู่ริมหาดติดทะเล
ห้องพักตกแต่งอย่างสวยงามและกว้างใหญ่สมราคา เตียงนอนนุ่มมาก เราแอบงีบไปพักหนึ่งก่อนออกไปเดินเล่น
ที่นี่ไมมี welcome fruitให้ แต่มีสายรัดข้อมือให้ ซึ่ง Mr. Joy บอกว่าไว้ป้องกันยุงกลางวันเพราะที่ี่นี่ไม่มียุงกลางคืน
มีตุ๊กตาโลมาน่ารักๆตั้งไว้ บอกว่าที่นี่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยกลัวว่าสิ่งปนเปื้อน เช่นผงซักฟอกลงทะเล โดยปกติทางรีสอร์ทจะซักผ้าปูที่นอนทุก 3 วัน แต่ถ้าวางตุ๊กตานี้บนที่นอนเขาจะซักผ้าปูตามทีลูกค้าต้องการ
โรงแรมมีปลั๊ก 3 ขาไว้ให้ 1 ตัว ดังนั้นควรเตรียมปลั๊กพ่วงติดไปด้วย
ห้องน้ำหอมด้วยกลื่นน้ำมันหอมระเหย แยกเป็นสัดส่วน มี shower ทั้ง indoor และ outdoor พร้อมทั้งอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ ถึงแม้จะอาบน้ำ outdoor ก็ไม่มียุงสักตัว
และที่ชอบมากคือมีราวตากผ้าให้ด้วย
อ่างล้างหน้า 2 อัน ด้านซ้ายและขวาไม่ต้องแย่งกัน ที่โรงแรมมี set อาบน้ำ สบู่ แชมพู ครีมนวด และโลชั่นทาผิว แต่ไม่มีหมวกคลุมผมให้
ในห้องมีตู้เสื้อผ้าใหญ่กว้างใหญ่ รวมทั้ง มีเตารีด โต๊ะรองรีดผ้า เสื้อคลุมและรองเท้าแตะให้ด้วย เสียดายจังไม่มีเวลารีดผ้าเลย
ระเบียงนั่งเล่นรับลมทะเล แต่เราว่าเวลากลางวันอยู่ข้างในห้องดีกว่าเพราะข้างนอกอากาศร้อน
พวกเรานอนพักผ่อนประมาณ 45 นาทีก็ออกไปเดินเล่นบริเวณ Lobby
ลูกศรสีแดงเป็นห้องที่พวกเราพักจัดว่าทำเลดีทีเดียวเพราะเป็นจุดว่ายน้ำของนักท่องเที่ยว
แผนผังรีสอร์ท
รีสอร์ทนี้มีสระว่ายน้ำจืดกลางแจ้ง 2 สระ สนามเทนนิส 3 สนาม ปิงปอง บอลโต๊ะ Fitness และสปา(ที่ไม่ฟรีจ๊ะ)แถมต้องจองล่วงหน้าอีกเพราะเต็มตลอด
กิจกรรมทางน้ำที่นี่มีทุกประเภท ทั้งเรือใบ เรือกล้วย ( banana boat )เรือแคนนู เจ็ทสกี ทุกอย่างเสียเงินหมดคะ ฟรีเฉพาะ snorkle กับตีนกบเท่านั้น
สระว่ายน้ำริมหาด รายล้อมด้วย beach bar และห้องอาหารนานาชาติ เข่น อาหารอิตาลีอาหารญึ่ปุ่น อาหารอินเดียและอาหารเลบานอน
บรรยากาศสบายๆ ตอนดึกยังเป็นที่ฟังเพลงของนักท่องเที่ยวด้วย
The Beach bar
Day bed กว้างขวางนั่งสบายมองออกไปเห็นเมืองมาเล่ด้วย
จาก The beach bar มองออกไปก็จะเห็นท่าเรือที่มาส่งเราเมื่อบ่ายนี้
พวกเราเดินเล่น ชมปลาในน้ำประมาณ 30 นาทีก็เดินกลับไปว่ายน้ำที่หน้าห้องต่อ และแวะห้องกีฬาทางน้ำเพื่อขอยืม snorkle และตีนกบ ซึ่งทางรีสอร์ทให้ยืมฟรีจ๊ะแค่ลงชื่อห้องไว้กับพนักงาน
รองเท้าแตะที่นี่เก๋ซะไม่มี มีทำรอยเท้ามัลดีฟส์ไว้ด้วย
ทะเลหน้าห้อง
ความใสของน้ำ
ถ่ายรูปขึ้นไปยังบ้านพัก อยู่ใกล้ทะเลแค่ไม่กี่ก้าว
ทะเลทีนี่ไม่มีประการังเลย มีปลาเยอะพอสมควร แต่ปลาตัวไม่ใหญ่มาก ไม่เห็นปลาฉลามเลย อาจต้องว่ายไปไกลๆถึงจะเจอ
เราเล่นน้ำประมาณ 1 ชั่วโมงก็ขึ้นเพราะเหนื่อย มาถ่ายรูปอาทิตย์ตกดินดีกว่า
แอบเก็บบรรยากาศโรแมนติคยามเย็นมาฝากจ๊ะ
ถึงเวลาอาหารเย็นพวกเราก็เลยเดินไปหาอาหารค่ำรับประทาน ร้านอาหารที่นี่ต้องจองล่วงหน้าไม่เข่นนั้นจะไม่มีที่นั่ง แต่โชคดีที่พนักงานเห็นใจจึงได้มา 1 โต๊ะ
เราได้ร้านอาหารญี่ปุ่นเพราะยังพอมีที่ให้เรา เราสั่งชูชิและสลัด รสชาดของชูชิอร่อยและสดดี แต่สลัดไม่อร่อยเลย อาจเพราะไม่ถูกปากเรา ราคาชูชิ 35 เหรียญและสลัด 8 เหรียญ ยังไม่รวม service charge 10%และ Tax 8 % ถ้าเป็นบ้านเราคงได้จานใหญ่กว่านี้
The Hamakaze
เราเดินกลับไปยังห้องพักก็เจอจดหมายสอดไว้หน้าห้องแจ้งว่า พรุ่งนี้เราต้อง check out ออก 07.15 น เพราะต้องไปขึ้น seaplane เพื่อไปยังโรงแรม เซ็นทารา ต่อไป
แอบเซ็งเลยกะจะว่ายน้ำตอนเช้าซะหน่อย แถมยังไม่ค่อยได้ใช้กิจกรรมของโรงแรมสักเท่าไรเลย
ตอนที่3 Centara Grand Maldives