Paparoa National Park – Christchurch
วันนี้เป็นวันสบายๆเนื่องจากจะจบการเดินทางของพวกเราแล้ว นอกจากนี้การมาเที่ยวนานๆและอากาศก็หนาวมากๆ ทำให้สมาชิกบางคนเริ่มไม่สบาย รวมทั้งเราด้วย โชคดีที่เริ่มเป็นหวัดในช่วงที่กำลังจะกลับพอดี
พวกเราออกจากที่โรงแรมเวลา 09.00 น.เพื่อเดินทางไปยัง Punakaiki & Paparoa National Park
Greymouth – Punakaiki & Paparoa National Park 47 กิโลเมตร
อุทยานแห่งชาติปาปารัว (Punakaiki & Paparoa National Park) หรือที่ชาวนิวซีแลนด์แรียกกันว่า หินแพนเค็ก (Pancake Rock) ซึ่งเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ อีกรูปแบบหนึ่ง อุทยานแห่งนี้ก่อตั้งในปี 1987 ครอบคลุมเนื้อที่ 306 ตารางกิโลเมตร
ทางเข้าอุทยาน
ป้ายบอกทางใช้เวลาในการเดินครบรอบประมาณ 20 นาที
บริเวณทางเดินจะเห็นต้นปาล์มที่แปลกดี เป็นปาล์มสกุล Rhopalostylis มีถิ่นกำเนิดในประเทศนิวซีแลนด์
มีชื่อว่า Nikau Palm มีความสูงมากกว่า 10 เมตร มีลักษณะแปลกคือใบจะชูขึ้นกาบใบป่องออกลักษณะคล้ายไม้กวาด จึงเรียกกันว่า Feather-duster palm ปาล์มสกุลนี้ส่วนมากชอบอากาศเย็น อุณหภูมิที่ชอบที่สุดคือ ระหว่าง 42-45 องศาฟาเรนไฮ
บริเวณริมทะเลแถบนี้จะเป็นหินปูน ซึ่งถูกกระบวนการทางธรรมชาติ ทำให้เกิดสภาพเหมือนกับเป็น ชั้นหินแผ่นบาง ๆ ซ้อนกันขึ้นไปเป็นตั้ง
Pancake Rock เป็นหินที่โดนลม น้ำ กัดเซาะจนเห็นเป็นชั้น ๆ คล้าย ๆ pancake
หินพวกนี้มีอายุมากกว่า 30 ล้านปี
มาดูชั้นหินใกล้ๆ
สะพานทอดยาว
Blowholes เกิดขึ้นในช่วงน้ำทะเลสูงขึ้นและคลื่นลมแรงๆ น้ำทะเลจะซัดถ้ำที่อยู่ด้านล่าง แล้วพุ่งขึ้นมาที่รูที่เกิดจากการสึกกร่อน คล้ายๆกับน้ำพุ
ช่วงที่เราไปคลื่นไม่แรงเท่าไร น้ำจึงพุ่งแค่นิดเดียว
หินพวกนี้เหมือนตัวอะไรเอ่ย
หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางต่อไปโดยใช้ high way 73 ไปยังเส้นทางArthur’s Pass ซี่งเป็นเส้นทางที่สวยอีกเส้นหนึ่ง
Punakaiki – Arthur’s Pass ระยะทาง 140 กิโลเมตร ( 2 ชั่วโมง )
บนเส้นทางนี้จะมีจุดชมวิวสวยๆมากมาย
เรามาจอดรถบริเวณนี้และมองลงไปจะเห็น สะพานลอยฟ้า (otira viaduct )
จุดชมวิวแสนสวย จะมองเห็น otira viaduct (สะพานลอยฟ้า ) ของเมือง otira ก่อสร้างเสร็จในปี 1999 และมีความยาว 440 เมตร สูงจากพื้นประมาณ 100 เมตร
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากนั้นพวกเราขับรถออกมาประมาณ 14 กิโลเมตร ก็ขับรถมาถึงอุทยานแห่งชาติ Arthur’s Pass
พวกเราแวะรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านนี้ ซึ่งส่วนใหญ่มีแต่แซนวิส พายและคุกกี้
พวกเรารับประทานอาหารกลางวันประมาณ 45 นาทีก็รถออกมาอีก 5 กิโลเมตร ก็ถึง สถานีรถไฟ Arthur’s Pass
สถานีรถไฟในวิวไกลออกไป
พวกเราแวะถ่ายรูปห้องน้ำกันที่ สถานีรถไฟ Arthur’s Pass
พวกเราขับรถต่อไปยัง Christchurch
Arthur’s Pass – Christchurch ระยะทาง 156 กิโลเมตร ( 2 ชั่วโมง )
arthur’s pass ซึ่งเป็นเส้นทางผ่านช่องเขา southen alps ฝั่งตะวันตกบนความสูง 924 เมตร เป็นเส้นทางขนทองไปยังเมืองไครเชิร์ต และชื่อนี้ตั้งชื่อตามชื่อผู้ค้นพบ Arthur Dobson ชาวยุโรปที่ค้นพบเส้นทางในปี 1864
เส้นทางแสนสวย
วิวจากกระจกรถ
วิวเริ่มเปลี่ยนไป สวยงามมากขึ้น
ต้นไม้สีเหลืองตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าแสนสวยงาม
เริ่มเข้าเขต Castle Hill
Castle Hill เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของชาวเมารีเผ่าหนึ่ง มีชื่อภาษาเมารีว่า คูราทาฟิติ ( kura tawhiti ) มึความหมายว่า ขุมทรัพย์จากแดนไกล เนื่องจากสมัยก่อน ชาวเมารีจะใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่เก็บรวบรวมอาหาร และใช้เส้นทางไปฝั่งตะวันตกอันเป็นดินแดนแห่งธารน้ำแข็ง
เราเดินไปถ่ายรูป ใกล้ๆ เพราะคนในกลุ่มเราเริ่มล้าจากการเดิน ( คงเพราะวันสุดท้ายแล้วจึงขี้เกียจเดิน )
Castle Hill มีลักษณะเป็นกองหิน ขนาดใหญ่ วางกระจัดกระจายอยู่ตามเทือกเขา
พวกเราแวะเที่ยวเล่นที่เมือง springfield
Springfield เป็นเมืองเล็กๆใน Selwyn บนที่ราบ Canterbury มีประชากรประมาณ 300 คน ห่างจากเมือง Christchurch ประมาณ 1 ชั่วโมง
พวกเราแวะรับประทานพายที่ร้านนี้เพราะอ่านจากหนังสือว่าร้านนี้อร่อยและเป็นแบบ homemade
พายที่นี่มีหลายแบบให้เลือก ราคาเริ่มต้นที่ 5.50 เหรียญ
เราเลือกรับประทานพายไก่ รสชาดอร่อยดี
ใกล้ๆกับร้านมีรูปโดนัททำจากยางดึงดูดความสนใจของเรา
โดนัทแหว่งสีชมพูนี้สร้างขึ้นมาในปี 2007 เพื่อโปรโมทหนังการ์ตูนเรื่อง The simpsons
เส้นทางผ่านไปยัง Christchurch ก็มีฟาร์มเลี้ยงแกะแสนน่ารัก
พวกเราถึงเมือง Christchurch ประมาณ 5 โมงเย็น เพื่อ check in ที่โรงแรมChristchurch Motel โรงแรมเดิมที่เราพักเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว พวกเราล้างหน้าล้างตา แล้วก็ไปรับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารไทยใกล้กับ Westfield superstore จากนั้นพวกเราก็ไปซื้อของฝากญาติทั้งหลาย ได้ซ็อกโกแลต cadbury ส่วนอาหารเสริมก็ได้ fish oil เพราะราคาถูกดี
หลังจากนั้นพวกเราก็กลับไปแพ็คกระเป๋า และเข้านอนเพื่อเตรียมตัวกลับกรุงเทพ
วันที่ 16 เมษายน 2554 พวกเราcheck out จากโรงแรม เวลา 07.00 น.ใช้เวลาไปถึงสนามบินประมาณ 20 นาที พวกเราก็ไปคืนรถที่ Budget ในสนามบิน เรา ออกเดินทางสู่สิงคโปร์ โดยสิงคโปร์ SQ 298 ใช้เวลาประมาณ 11 ชั่วโมง และ กลับกรุงเทพโดย SQ 978 ใช้เวลาอีก 2 ชั่วโมง ถึงเวลา 20.00 น.โดยสวัสดิภาพ