Centara grand maldives

2  พฤษภาคม 2556

พวกเราเดินไปเดินมาถ่ายรูปชิวๆกับวิวสวยๆ ในที่สุดก็ถึงเวลา 14.00 น พวกเราก็เดินกลับไปที Lobby เพื่อ check in พอมาถึงปรากฎว่ามีแขกหลายคนรอ check in กันทั้งนั้น ที่นี่ไม่ว่ามาถึงกี่โมงก็ต้อง check in หลังบ่าย 2 เรารอถึงเวลา 14.30 น.ก็ได้ห้อง

ที่รีสอร์ทมีห้อง 5 ประเภทขึ้นกับตามความต้องการของผู้พัก มีแบบอยู่ติดหาดจนถึงบังกะโลกลางน้ำและแบบที่มากันเป็นครอบครัวด้วย ที่นี่ฟรี wifi ด้วย

ทางไปบริเวณห้องพักของเรา สวยมากเลย เห็นแล้วชื่นใจ

เราจองห้องแบบ Luxury Sunset Water Villa ตอนจองเจ้าหน้าที่บอกว่าห้องแบบนี้สามารถเห็นพระอาทิตย์ตกดินชัดเจนกว่าห้องแบบอื่น

ดาวสีแดงเป็นห้องที่เราพัก จะเห็นว่า Luxury Sunset Water Villa อยู่ไกลจากส่วนอื่นๆมาก มีความเป็นส่วนตัวสูง ข้อเสียคือเดินไกล้ไกล

แผนผังรีสอร์ท

พนักงานพาเราไปทางนี้ เนื่องจากห้องที่เราได้เลขที่ 73 เจ้าหน้าที่บอกว่าห้องที่เราพักเป็นห้องที่วิวดี เพราะจากระเบียงจะเห็นทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตกเลย

ไม่ไกลและก็ไม่ใกล้มาก

Luxury Sunset Water Villa

ในที่สุดก็ถึงห้องพักสักที

ห้องแบบLuxury Sunset Water Villa มีขนาด 110 ตารางเมตร

เข้ามาชมข้างในกันเถอะ

เดินเข้ามาก็เจอกับห้องสวยๆ เตียงนุ่มๆ น่านอน

ด้านขวามือมีโซฟานั่งเล่นเอกขเนก แต่เราไม่ค่อยได้นั่งเท่าไร เอามาวางของซะมากกว่า

ห้องน้ำกว้างขวาง เปิดทะลุถึงห้องนอนเลย มีห้องอาบน้ำฝักบัวแยกต่างหาก ตู้เสื้อผ้าเยี่ยมมากเลยมีชั้นวางของหลายชั้น เก็บของได้เยอะดี

อ่างล้างมือ 2 อ่างไม่ต้องแย่งกัน และยังมีอ่างอาบน้ำที่กว้างมาก แต่ไม่เห็นวิวทะเล

พร้อมอุปกรณ์อาบน้ำครบครัน มีเกลือสปาไว้สำหรับแช่น้ำมาให้ด้วย

ห้องน้ำเห็นวิวทะเลด้วย ไม่ต้องกลัวเพื่อนบ้านแอบดูเพราะมีม่าน

เสื้อชูชีพ ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ให้ 2 ตัว อุปกรณ์อื่นเช่น fin และ snorkel ไปขอยืมได้ฟรี

กลับมาในห้องต่อ ในห้องมี ชา เตรื่องทำกาแฟและ น้ำดื่มเติมได้ตลอดวัน นอกจากTV แล้วยังมีเครื่องเล่น DVD และยังมี USB อีก ส่วนใหญ่เรานอนฟังเพลงจากเจ้าเครื่องเล่นนี้ ถ้าไม่ได้เตรียมเพลงมารีสอร์ทมีเพลงเพราะๆให้ฟังด้วยทางช่อง 1

เครื่องดื่มในตู้เย็นฟรีหมด เติมวันละ 1 ครั้ง

ขนมนี่ก็ฟรีเช่นกัน เติมวันละครั้งเช่นกัน

จากห้องนอนมองเห็นวิวทะเล

ระเบียง sea view มีแต่ทะเล สวยจัง

ข้างบ้านแบบบ้านเหมือนกับของเรา มีระเบียงชั้น 2

ชั้น 2 มีระเบียงนอนชมวิว แต่ไม่ค่อยได้ขึ้นเท่าไร เพราะอยู่ในน้ำมากกว่า

ข้อเสียสำหรับห้องแบบนี้คือไม่มีฝักบัวอาบน้ำสำหรับล้างตัวเลย เวลาขึ้นจากน้ำ

บันไดสำหรับลงทะเลเพื่อว่ายน้ำ ชมปะการัง

ถ่ายรูปสักพักพวกเราก็ไปสปาเนื่องจากจองไว้แล้ว ในแพคเกจจะมีสปาบริการฟรีวันละ30 นาที โดยจะต้องนัดเวลาจองไว้ พวกเราจองไว้ 3 วันเลย

สปาอยู่ไกลจากห้องพักพอสมควร ใช้เวลาในการเดินประมาณ 15 นาที ถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่ดีเลยละ

เดินเกือบเลย เนื่องจากต้นไม้ปกคลุมไปหมด

Cenvaree Spa

ภายในสปาดูเป็นธรรมชาติมาก โดยปกติราคาจะอยู่ประมาณ 100 เหรียญ ต่อ 30 นาที ถ้าจองแล้วยกเลิกจะต้องจ่าย 50% อาจจะเป็นเพราะเสียโอกาสคนอื่น เพราะส่วนใหญ่จะเต็มตลอด

สปาทรีทเม้นท์ มี 7 แบบ ได้แก่
1. นวดหัวและไหล่ 2.นวดหลังส่วนบน 3. นวดฝ่าเท้า 4. นวดแบบอินเดีย 5. นวดหน้า 6. สครับด้วยกาแฟ 7. สครับด้วยดอกไม้สมุนไพร

ภายในห้องนวด ใน 3 วันเราเลือก 2 แบบ วันแรกหลังบนเพราะเมื่อยจากการเอี้ยวตัวดูวิวบน Seaplane และวันที่ 2 และ 3 นวดหัวและไหล่ เพราะสบายดี พนักงานนวดที่นี่ไม่ได้มีเฉพาะคนไทย มีชาติอื่นด้วยเช่นอินโดนีเชีย

หลังจากนวดเสร็จ จิบชาขิงร้อนๆอร่อยดี ส่วนค่าทิป จะให้โดยตรงกับพนักงานหรือถ้าไม่พกเงินติดตัวมาจะให้ charge ในใบเสร็จก็ได้ว่าจะให้เท่าไร แล้วพอวันสุดท้ายทางโรงแรมก็จะส่งบิลมาเก็บเงินกับเรา

เรามาดูห้องอาหารกันดีกว่า ที่นี่มีห้องอาหารอยู่ 3 ห้อง

ห้องอาหารไทย Lotus มีอาหารกลางวันและเย็น รองรับลูกค้าไได้ 48 คนต่อมื้อ ต้องจองก่อน เราฝากท้องไว้กับห้องอาหารนี้ 2 มื้อ อาหารอร่อยถูกใจเรามาก เมนูเป็นแบบ Set ตามที่โรงแรมจัดให้ ถ้าอยากรับประทานนอกจากนี้ต้องจ่ายเงินเพิ่ม

อยู่ใกล้กับที่พักเราที่สุด ใกล้ๆกับ Lobby ห้องอาหารอิตาลี รองรับลูกค้าได้ 55 คน มีอาหารกลางวันและเย็น เช่นกัน เราไม่ได้ไปรับประทานห้องนี้เลย เนื่องจากว่าจองไม่ได้

Azzuri Mare Seafood restaurant

ห้องอาหาร Reef อาหารเช้า กลางวันและเย็นแบบบุฟเฟ่ มีทั้งอาหารเอเซียและตะวันตก ห้องอาหารนี้รับแขกได้ประมาณ193 ที่ จึงไม่ต้องจองเลย เราสามารถ walk in ได้เลย ภายในอาทิตย์เมนูอาหารเย็นจะไม่ซ้ำกันเลย บางวันเป็นอาหารพื้นเมือง บางวันก็เป็นอาหารนานาชาติ หรืออาหารจีน นอกจากนี้ยังมีเทปันยากิ ด้วยแต่ตัองจองหลัง 09.00 น.ของทุกวัน

ภายในห้องอาหารพื้นเป็นทราย เราฝากท้องที่นี่เกือบทุกมื้อเพราะจองห้องอื่นไม่ค่อยทัน ส่วนเทปันยากิจองไม่ได้เลยเพราะเต็มเร็วมาก

ห้องอาหาารติดริมทะเลมีสระว่ายน้ำอยู่ใกล้ๆกัน

เราไม่ได้ว่ายน้ำที่สระไหนเลย เพราะเรามีสระที่ใหญ่อยู่หน้าห้อง

ใกล้ๆกับห้องอาหาร Reef ก็ยังมี Coral bar ตั้งอยู่ใกล้ๆกัน

อีกบาร์ของโรงแรม เครื่องดื่มเหมือนกันกับ Aqua bar ดื่มได้ตั้งแต่เวลา 10.00 น-24.00 น. ที่นี่ก็ฟรีเช่นกันตามเมนูที่โรงแรมกำหนด

จุดเด่นของบาร์แห่งนี้คือ เวลา 17.00น- 18.00 น.จะมีการให้อาหารปลากระเบน และปลาฉลาม

มีคนรอชมการให้อาหารปลากระเบนมากมาย ขณะนั่งชมเราสามารถสั่งเครื่องดื่มจากบาร์ได้ด้วย

ปลากระเบนประมาณ 3 ตัว มากินอาหารที่โรงแรมให้ มีปลาฉลามตัวไม่ใหญ่มากประมาณ 3-4 ตัว และปลาตัวเล็กตัวน้อยมากมาย ชมกันจนเพลินเลย

รีสอร์ทมีทั้งสนามเทนนิส, fitness center , kid room ให้กับแขกที่มาเที่ยว

นอกจากนี้ในแพคเกจ ultimate all inclusive ยังมีกิจกรรมต่างๆมากมาย

เรามาขอยืม snorkelและ fin ที่นี่ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทางน้ำที่ไม่ใช้เครื่องยนตร์ ให้เล่นฟรี เช่นพายเรือคายัค วินเซิร์ฟ ส่วน banana boat ให้เล่นฟรี 45 นาที 1 ครั้ง

Water sport center

อันนี้ก็น่าเล่นดี คงเหมาะสำหรับเด็กเพราะมีที่ลื่นด้วย

และยังมีกิจกรรมฟรี ตามตารางเวลาที่โรงแรมกำหนด ดังนี้
08.30 -12.30 Whale Shark SnorkelingTrip ว่ายน้ำชมฉลามวาฬ
09.30 -12.30 Local Island Discovery ดูชีวิตชาวพื้นเมืองที่เกาะอื่น
14.00 -16.00 Snorkeling Trip พาไปว่ายน้ำชมเต่าทะเลและประการัง
17.30 -19.00 Sunset Cruise ชมพระอาทิตย์ตกดิน
17.30 -19.00 Sunset Fishing Trip ชมพระอาทิตย์ไปตกปลาไปด้วย

ทุกกิจกรรมต้องจองล่วงหน้าไม่งั้นเต็ม โดยจองที่แผนกต้อนรับได้เลย แต่ถ้าอากาศไม่ดีกิจกรรมข้างต้นอาจถูกยกเลิกได้ ต้องโทรเช็คก่อนเวลาประมาณ1 ชั่วโมง

ภายในรีสอร์ทยังมีอีกสระว่ายน้ำ ซึ่งใช้สิทธิเฉพาะคนที่สมัคร Island

Island club

สระส่วนตัวสำหรับสมาชิก และยังมีสิทธิตาม Island club

ในวันนี้เราจองกิจกรรม Sunset cruise เพื่อชมพระอาทิตย์ตกดิน แต่อากาศไม่ดีเลยฝนตกตอนเย็น เรืองดออก เราเลยจองเป็นวันพรุ่งนี้แทน ไม่ได้ไปชมวิววันนี้เราเลยไปรับประทานอาหารค่ำซะอิ่มแปร้เลย เก็บแรงไว้พรุ่งนี้ละกัน

ตอนต่อไป มัลดีฟท์ ตอนสุดท้าย

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here