Centara grand maldives
3-5 พฤษภาคม 2556
วันนี้เราตื่นแต่เช้า เพื่อชมอาทิตย์ยามเช้าโชคดีมากเลยที่ฝนไม่ตกและ ตามที่เจ้าหน้าที่ของรีสอร์ทบอกว่าห้องเราเห็นทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตกจริงๆด้วย เช้านี้เราก็ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่ห้องของเรา วันนี้เราจอง whale shark snorkeling ด้วย
บรรยากาศยามเช้า แสงแดดจ้ามาก แต่ก็สวย
ประมาณ 8.00 น.เราก็เดินไปยังห้องอาหารเช้า ระหว่างทางพวกเราก็เก็บรูปด้านอื่นๆของรีสอร์ทที่เราไม่ได้ถ่ายเก็บไว้เมื่อวานนี้
ออกจากห้องมาเราก็ถ่ายรูปอีก สวยจัง
จากทางเดินของเราเห็นฝั่งDeluxe water villas
มุมนั่งเล่นหน้าแผนกต้อนรับ อยู่ตรงข้ามกับ water sport center
อีกมุมกับ Luxury Sunset Water Villa
วิวตามทางมุ่งหน้าไปห้องอาหาร Reef เพื่อรับประทานอาหารเช้าทุกวัน
ผ่านห้อง แบบ Deluxe water villas ขนาดห้อง 87 ตรม.
เรารับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร Reef ทุกวัน Line อาหารเยอะพอสมควร มี ข้าวกับกับข้าว สลัด ไข่ชนิดต่างๆ ไส้กรอก แฮม แพนเค็ก วาฟเฟิล ขนมปัง ผลไม้ น้ำผลไม้
ทะเลหน้าห้องอาหารก็ใสเหลือเกิน มองเห็นปลาเยอะแยะไปหมด
หลังจากนั้นพวกเราก็ไปเปลี่ยนชุดและเดินไปยัง water sport center เพื่อไปดำน้ำดู Shark whale
เรือที่พาพวกเราไปไปดำน้ำแบบ snorkel เพื่อชมฉลามวาฬ จุผู้โดยสารประมาณ 20 คน
เรือเป็นลำเดียวกับที่รับพวกเรามาจาก seaplane ผู้โดยสารทุกคนแต่งชุดเตรียมพร้อมไปเล่นน้ำ เรือแล่นไปเกือบ 1 ชั่วโมง ผ่านเกาะต่างๆมากมาย
ผ่านรีสอร์ทนี้ คนบนเรือก็บอกว่าถึงจุดที่ชมฉลามวาฬกันแล้ว
พวกเราโดดลงตามที่เจ้าหน้าที่บอก น้ำขุ่นพอสมควร บรรยากาศใต้น้ำบริเวณนี้ดูแล้งจัง ประการังไม่สวยเลย
กลุ่มนักดำน้ำ scuba กำลังถ่ายรูปกันใหญ่
ว่ายน้ำสักพักเจ้าหน้าที่ก็เรียกขึ้นเรือ เพราะบางคนเจอฉลามวาฬแล้ว แต่เราโชคไม่ดีไม่เห็นมันเลย
ฉลามวาฬเป็นปลาและสัตว์เลือดเย็นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก กิน แพลนตอน เป็นอาหารเช่นเดียว กับกระเบนราหู ( Manta ray – Manta brevirostris ) แต่มีวิธีการกินที่แตกต่างกันออกไป โดยฉลามวาฬจะว่ายเข้าหาฝูง แพลนตอน แล้วอ้าปากหุบน้ำ เข้าไปจากนั้นก็จะใช้ซี่เหงือกกรอง แพลนตอน ไว้ ขณะที่ manta จะอ้าปากให้น้ำผ่านตลอดเวลา
ลักษณะของฉลามวาฬที่แตกต่างจากฉลามที่เรารู้จักกันคือ หัวที่ใหญ่โตมากเมื่อเทียบกับขนาดลำตัว และปากที่อยู่ด้านหน้าแทนที่จะอยู่ด้านล่าง ฉลามวาฬ ใช้เหงือกในการหายใจ มีช่องเหงือก 5 ช่อง มีครีบอก 2 อัน ครีบหาง 2 อัน และครีบก้น(หาง) 1 อัน หางของฉลามวาฬ อยู่ในแนวตั้งฉาก และโบกไปมาในแนวซ้าย-ขวา
ฉลามวาฬ ขอยืมรูปจากเพื่อนที่ไปด้วยกันถ่ายมาได้
Deluxe family villa ห้องแบบนี้เหมาะกับมาเป็นครอบครัว ผู้ใหญ่ 3 คนหรือ ผู้ใหญ่ 2 คนเด็ก 2 คน จะมีเตียงสำหรับเด็กด้วย ขนาดห้อง 93 ตรม.
ถ้าต้องการสระว่ายน้ำส่วนตัวติดริมหาด ก็ต้องห้องแบบนี้เลย มีแบบทั้ง 1-2 ห้องนอน
Luxury beach front pool villa
ราจองกิจกรรม Snorkel trip กับ Sunset cruise ไว้กับทางรีสอร์ทแต่ โชคไม่ดี ฝนตกตลอด เลยอดไปเที่ยวเลย ถึงแม้ฝนจะตกไม่นาน แต่คลื่นลมทะเลไม่ดี เขาถึงไม่ยอมออกทะเล ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่ของเราคือดำนำชมประการังหน้าห้อง
วิวทะเลหน้าห้องเรา ที่เห็นดำๆเป็นประการัง น้ำทะเลที่นี่ใสมาก น่าว่ายน้ำจริงๆ ไม่ว่าฝนตกหรือหยุด น้ำทะเลก็ไม่ขุ่นใสแจ๋วเชียว
ลงน้ำแล้วนะ
พอดำน้ำปุ๊ปก็เจอกับปลาเหล่านี้ ที่นี่ปลาเยอะมากเลย ได้แก่ปลานกแก้วดำ ( Dusky parrotfish ) ปลานกขุนทอง 6 แถบ ( six barred wrasse )
ใต้ถุนบ้านเราเอง ปลาเยอะไปหมด
สักพักก็พบภาพเหล่านี้เลย ปลา blue surgeonfish สีสันสวยงาม
ประการังที่นี่ไม่ลึกเท่าไรเลย ว่ายไปประการังขูดขาเหมือนกัน โชคดีที่ใส่ชุดว่ายน้ำแบบ wet suit เลยบาดเจ็บไม่มาก
ประการังที่นี่สีสรรไม่ค่อยเยอะ แต่ยังสมบูรณ์อยู่มาก แถมปลาเยอะด้วย
สวยงาม ว่ายวันละ 3 เวลาไม่รู้จักเบื่อ
นี่ก็สวย ของจริงสวยกว่านี้อีกมาก
ปลาชนิดนี้มีเยอะมาก แถมไม่กลัวคนด้วย มันว่ายมาให้เราถ่ายรูปด้วย
เห็นปลิงทะเลด้วย นอนนิ่งอยู่ใต้น้ำ
สวยไม่เบื่อ สนุกกับการว่ายน้ำจริงๆ
มีปลาฉลามด้วย ตัวไม่ใหญ่เท่าไร เราก็กลัวๆเหมือนกัน แต่มันก็ไม่ทำอันตรายเราเลย
แอบถ่ายรูปมันอีก ก่อนที่มันจะว่ายหนีไป
ถ่ายขึ้นไปยังห้องพักเราบ้าง ประการังอยู่ใกล้แค่นี้เอง
เราอยากจะว่ายให้ไปไกลกว่านี้แต่ลมแรงมาก ต้องคอยประคองตัวไว้ใกล้ๆบ้าน เดี๋ยวว่ายกลับไม่ไหว แต่สนุกมากเลย
เราไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกดินเลย เพราะฝนตกตอนเย็นทุกว้น ดังนั้นเวลา 4 คืน 3 วันไม่เพียงพอสำหรับการมาเที่ยวเลย เราว่าสัก 7 วันกำลังดี เพราะ บางกิจกรรมยังเล่นไม่หมดเลย รวมทั้งว่ายน้ำดูประการังหน้าห้องเพราะว่ายังไม่ได้ไปไกลกว่าหน้าห้องเราเลยเนื่องจากเวลาไม่พอ
เก็บภาพพาโนรามาก่อนกลับ
บรรยากาศที่ประทับใจ
บริเวณหน้า Reception และ ตรงข้าม water sport center
เราcheck out ออกเวลา 10.00 น รอเวลาเรือมารับ
รอเดินทางกลับที่ท่านี้
พนักงานมาส่งพวกเราด้วยรอยยิ้ม เรือลำเดิมมาส่งเราขึ้น Seaplane บริเวณท่าเรือใกล้กับ Deluxe family water villas
นักบินและเจ้าหน้าที่ยืนรอพวกเราอยู่ การขึ้น seaplane รอบนี้ไม่ลำบากเลยอาจจะเป็นเพราะ คลื่นไม่แรงมาก
เก็บภาพ Luxury sunset water villas อีกครั้ง
พวกเราสนุกกับการท่องเที่ยวครั้งนี้มาก ถ้ามีโอกาสเราจะกลับมาอีก
ขากลับสายการบิน delayประมาณ 2 ชั่วโมง เป็นของแถมที่ไม่อยากได้เลย ใช้เวลาในการเดินทางจากมาเล่ถึงประเทศไทย ประมาณ 4.30 ชั่วโมง