อมาลฟี่โคสท์

27 พฤษภาคม 2557

วันนี้คุณโจให้พวกเราตื่นสายได้ เพราะไปเที่ยวไม่ไกลจากโรงแรมเท่าไหร่ พวกเราออกเดินทางเวลา 09.00 น. เส้นทางที่เราจะไปวันนี้เป็นเส้นทาง Amalfi Coast ซึ่งเป็นเส้นทางที่สวยที่สุดในยุโรป รถที่มารับก็เปลี่ยนคันเนื่องจากว่าเส้นทางนี้รถใหญ่ขับไม่สะดวก

Amalfi Coast มีความยาว 50กิโลเมตร เป็นชายฝั่งทะเลทางตอนใต้ของคาบสมุทรซอร์เร็นติเน (Sorrentine Peninsula) ของประเทศอิตาลี เส้นทางรถเลียบไปตามหน้าผาสูงชันจนถึงเมืองหลัก 3 เมือง คือ โพสิตาโน (Positano), อมาลฟี (Amalfi) และราเวลลโล (Ravello)
ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นชายฝั่งที่สวยที่สุดในยุโรป ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1997

รถพาเราเที่ยวชมตามเส้นสีแดงตามแผนที่

จะเห็นบ้านตามเนินเขาเต็มไปหมดเป็นเพราะว่าพื้นที่ร้อยละ 75ของอิตาลี่เป็นภูเขาและที่ราบสูง ดังนั้นพวกเขาจึงนิยมสร้างบ้านบนเนินเขากัน แสดงให้เห็นว่าคนพวกนี้เดินกันเก่งมากเพราะต้องขึ้น- ลงเนินเขาทุกวัน

เห็นภูเขาไฟวิสุเวียส( Vesuvius Mount) เป็นภูเขาไฟที่อยู่ใกล้เมืองเนเปิลส์ มีความสูง 1200 เมตร ภเขาไฟแห่งนี้ระเบิดเและเถ้าถ่านได้ทับถมเมืองปอมเปอีและจนทำให้เกิดประวัติศาสตร์อันน่าสลด

เส้นทางขับรถจะเป็นแบบนี้ตลอด จะเห็นทางโเส้นทางโค้งไปมาแต่เต็มไปด้วยความสวยงาม

คนขับรถใจดีมากเห็นพวกเราถ่ายรูปผ่านกระจกหลายรูป จึงแวะให้พวกเราถ่ายรูปตรงจุดชมวิวด้วย

วิวของเมือง Sorrento ที่เราไปเที่ยวมาเมื่อวานนี้ในมุมสูง

วิวไกลๆก็สวยดี

ที่อิตาลี่ตอนใต้นิยมปลูกส้มหรือมะนาวดังนั้นจะเห็นร้านขายน้ำผลไม้อยู่เสมอ และตรงบริเวณนี้มีก็รถขายน้ำมะนาวและน้ำส้มจอดขายอยู่

มาที่นี่ต้องลองลิ้มน้ำส้มหรือน้ำมะนาวคั้นสดๆ หรือแบบเกร็ดหิมะ กินแล้วชื่นใจมาก ราคาแก้วละ 3 ยูโร

อีกวิวตามเส้นทาง Amalfi coast

วิวสวยมากๆเลย

ตลอดทางเป็นถนนเส้นเล็กๆ คดเคี้ยว มิน่าถึงต้องใช้รถคันเล็ก สำหรับคนที่เมารถควรพกยาแก้เมารถมาด้วยนะคะ

มีความสวยงามของธรรมชาติที่อยู่ข้างทาง

รถจอดให้ถ่ายรูปเพื่อเห็นเมือง Positano ทั้งเมือง

Positano เป็นเมืองบนหน้าผาเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางชายฝั่ง Amalfi ของแคว้น Compania หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศอิตาลีPositano ได้ฉายาว่า “Town of Thousand Postcards”เพราะตัวเมืองสร้างซ้อน ๆ กันอยู่บนหน้าผาราวกับรังนกนางแอ่น แถมยังทาสีโทนพาสเทล ย้อมทุกบ้านด้วยสีขาว เหลือง ส้ม และน้ำเงิน

เป็นเมืองที่มีเนื้อที่เพียง 8 ตารางกิโลเมตร

ภาพสวยเหมือนโปสการ์ด

ร้านนี้เรียกความสนใจของเรา ให้มาหยุดดูซื้อ

ผลไม้ที่นี่มีหลากหลาย เช่น กล้วยหอม ส้ม มะนาว มะเขือเทศ เชอรี่ และยังมีพริกแห้งด้วย มะเขือเทศ อร่อยมากคะ และเชอรี่ก็สดแถมราคาก็ไม่แพงมากกิโลกรัมละ 8 ยูโร เราเลยจัดไปซะ

ที่อิตาลี่ปลูกพริกได้มากและนำพริกมาตากแห้งนำมาผสมในน้ำมันมะกอกเพื่อนำมาเป็นเครื่องปรุง คงคล้ายพริกน้ำส้มบ้านเรา แต่เขาทำ package สวยกว่าบ้านเรา

ชมวิวและทานผลไม้จนจุใจพวกเราก็เดินทางต่อไป

คุณโจอธิบายว่าทิวเขานี้ชาวเมืองบอกว่าคล้ายพระแม่มารี แต่เราก็มองว่าคล้ายเจ้าแม่กวนอิม

ประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงก็มาถึงเมือง แต่ที่ใช้เวลานานเพราะรถติดมากในช่วงผ่านเมือง Sorento เพราะกำลังทำถนนอยู่

เมืองแถบนี้จะนิยมทำเซรามิค เราแวะร้านนี้เพราะคุณโจบอกว่าราคาถูก และก็เป็นไปตามที่เธอว่า เพราะของที่ร้านนี้ถูกกว่าที่เมืองอื่นจริงๆ

มีของน่ารักหลากหลาย เราก็หลวมตัวซื้อไปหลายชิ้น เช่นจี้เซรามิค ที่ปิดจุกไวน์ รูปภาพเซรามิค เราว่าดีที่ตัดสินใจซื้อเลยเพราะที่อื่นแพงกว่านี้

พวกเราไม่ได้แวะเข้าไปชมตัวเมือง จากนั้นรถก็เลยไปเมือง Amalfi ต่อคะ

เริ่มมองเห็นเมือง Amalfi ไกลๆแล้ว

เห็นเมืองใกล้เข้ามา

ระยะทาง 17 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 30 นาที

เมืองอามาลฟี ( Amalfi ) มีขนาดพื้นที่ 6 ตารางกิโลเมตร เป็นเมืองยุคกลางตอนต้นที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และมีความโดดเด่นทางสถาปัตยกรรมยุคกลางของประเทศอิตาลี ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งใน เมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆของทวีปยุโรป

พอลงจากรถเราก็ผ่านวงเวียนนี้

เราเดินเข้ามาทาง Piazza del Duomo อยู่ใกล้กับมหาวิหารอามาลฟี บริเวณนี้คนเยอะมาก

คุณโจพาเราไปหาอาหารเที่ยงก่อนเดินเล่นชมเมือง

มื้อเที่ยงในร้านอาหารอิตาลี่

Amalfi Cathedral ”Duomo di Amalfi-Cattedrale di Sant’Andrea” เป็นมหาวิหารที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่ นักบุญแอนดรูว์ (Saint Andrew) เป็นมหาวิหารที่ถูกสร้างขึ้นอย่างสวยงามจากโครงสร้างของโบสถ์เดิมที่มีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 9 และมีการปรับปรุงมาอย่างต่อเนื่อง โดยตัวอาคารได้รับ การตกแต่งรูปแบบผสมผสานกัน ทั้งแบบโรมัน อาหรับ และ Byzantine (กรีก)
ในศตวรรษที่ 12 มีการนำพระศพของ Saint Andrew มาจากกรุง Constantinople มาบรรจุที่วิหารนี้

ด้านบนสุดของวิหารชื่อรูป The Triumph of Christ เป็นรูปของพระเยซู ส่วนรูปปั้นด้านล่าง คือ สาวก (Apostel) 12 คนของพระองค์ ซึ่งทำจาก mosaic คือ นำแผ่นกระเบื้องสี ชิ้นเล็กๆปูต่อกัน

หอระฆังที่โดดเด่น ถ้ามองมาจากบริเวณท่าเรือ เราจะสามารถมองเห็นหอระฆังที่งดงามของมหาวิหารได้อย่างชัดเจน

ด้วยเวลาที่มีไม่มากเราจึงไม่ได้เข้าวิหารแห่งนี้ เราชมเพียงด้านนอกเท่านั้น

ของทีระลึกส่วนใหญ่จะเป็นโปสการ์ด และเซรามิคแต่ราคาจะแพงกว่าเมือง positano

ร้านนี้สินค้ามาโชว์ข้างกำแพง ดูแปลกตาดี

หลังจากเดินในเมืองสักพักพวกเราก็เดินกลับไปที่ชายหาด

ชายหาดที่นี่เป็นทรายปนกรวดดูแล้วไม่น่าเล่นเหมือนบ้านเรา แต่คนที่นิยมนอนตากแดด

ได้เวลาพอสมควร พวกเราก็เดินทางต่อไปยังเมือง Revello ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที

เมืองราเวลโล (Ravello) มีพื้นที่ 7 ตารางกิโลเมตร เป็นหนึ่งพื้นที่ชนบทของอิตาลีที่มีความงามทางกายภาพและความหลากหลายทางธรรมชาติ รวมไปถึงความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมและศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น

เราเดินเข้ามาในเมืองก็เจอกับบรรยากาศที่เงียบ สงบ ร่มรื่น

ด้านตรงช้ามก็จะเห็น มหาวิหารแห่งราเวลโล (Cathedral of Ravello)

วิหารแห่งนี้สร้างเมือ่ 1086 ข้างนอกมองดูเรียบง่ายแต่ภายในตกแต่งด้วยหินอ่อนแกะสลักสีขาวประดับด้วยโมเสค

พวเราเดินไปยังจุดชมวิว

วิวสวยคะ

วิลลารูโฟโล (Villa Rufolo) เป็นอาคารและสวนขนาดย่อมๆที่อยู่ภายในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ในย่านจัตุรัสหลักของเมืองราเวลโล ถูกสร้างขึ้นอย่างหรูหราในในสไตล์มัวร์ (Moorish-style ) ในปี ค.ศ.1270 ภายในวิลลาได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามด้วยสวนไม้ดอกไม้ประดับ รวมไปถึงหอคอยโบราณสูง ประมาณ 30 เมตร

Cathedral of Villa Rufolo

แต่พวกเราไม่ได้เข้าไปคะ เราเดินชมบรรยากาศรอบๆเมือง

บรรยากาศภายในเมือง

เนื่องจากฝนเริ่มลงเม็ดพวกเราจึงมานั่งหลบฝนในร้านกาแฟ และมีมุมสบายๆอย่างที่เห็นในภาพ

ฝนตกปรอยๆไม่นาน เราก็เดินทางกลับ รถพาเรากลับอีกทางเนื่องจากว่ากลัวรถติด ดังนั้นจึงทำเวลาได้ดีมาก ใช้เวลาเพียง 40 นาทีก็ถึงโรงแรม พวกเราจึงมีเวลาถ่ายรูปในโรงแรมบ้าง

วันนี้เราพักโรงแรมLa Sonrisa Hotel โรงแรมเดิมคะ

โรงแรมตกแต่งสวยมากคะ

ภายในก็ตกแต่งสวยเช่นกัน

เรากลับมาทานอาหารเย็นที่โรงแรม

วันนี้เป็นวันทีเดินทางสั้นๆแต่สนุกและประทับใจในเส้นทางที่แสนสวยพรุ่งนี้พวกเราจะไปเที่ยวชมปอมเปอี ซึ่งอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่เช่นกัน

ตอนต่อไป ปอมเปอี

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here