เนเปิลส์
26 พฤษภาคม 2557
เราออกเดินทางสู่โรมโดยสายการบิน TG 944 เวลา 24.30 น. แต่เจ้าหน้าที่ของบริษัททัวร์โทรมานัดให้เรามาเร็วกว่ากำหนดเนื่องจากสถานการณ์เคอฟิว ทำให้เราต้องมารอที่สนามบินเวลา 19.00 น. พวกเราจัดแจง check in เสร็จก็เดินไปที่ เลาน์ king power เพื่อหาอะไรทานก่อนขึ้นเครื่อง
หลังจากผ่านตม.แล้ว เราก็เดินไปที่บริเวณ Concourse A ซึ่งเป็นที่ตั้งของ เลาน์
เราไปถึงก็โชว์บัตร ให้พนักงาน จากนั้นเขาก็พาเราไปยังฝั่ง VIP
เลาน์ king power
ตอนเราเดินเข้ามายังไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการเท่าไหร่ เราเลยเลือกโต๊ะตามสบาย
อาหารที่นี่มีหลากหลาย จานหลักมีข้าวต้มหมู มีสลัด แซนวิส ขนมเค็กและไอศรีม ส่วนเครื่องดื่มมีน้ำผลไม้ ชา กาแฟ และสแน็ค
ที่นี่มี free wifi เราต้องขอ password จากพนักงาน และมีปลั๊กไฟสำหรับ ชาร์ตแบตด้วย
เรานั่งเล่นอยู่ที่นี่นานพอสมควร พอถึงแก่เวลาก็เดินออกมาเพื่อเตรียมไปขึ้นเครื่องเที่ยวบิน TG 944 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 11.30 ชั่วโมง
อาหารบนเครื่องบินเป็นข้าวผัดกับมักกะโรนี ซึ่งเราเลือกทานข้าวผัดเราะอาจจจะต้องกินมะกะโรนีไปตลอดทริป บนเครื่องเสริฟอาหาร 2 รอบคือหลังขึ้นเครื่องและตอนเช้า
มองเห็นวิวกรุงโรม เมื่อมองจากหน้าต่างเครื่องบินลงมา
ท่าอากาศยานเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟีอูมิชิโน (อิตาลี: Aeroporto Leonardo da Vinci di Fiumicino) หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ ท่าอากาศยานฟิอูมิชิโน เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี ตั้งอยู่ในเมืองฟิอูมิชิโน ห่างจากศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของโรม 35 กิโลเมตร
เครื่องถึงสนามบินฟูมิซิโน่ ( Fiumicino) เกือบ 06.50 น. เวลาที่นี่ช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง
เราออกมาพบคุณโจเป็นหัวหน้าทัวร์ของเรา มีลูกทัวร์ทั้งสิ้น 12 คน พวกเรามารอรถบัสบริเวณทางออกหน้าสนามบิน
รถที่มารับพวกเราเป็นรถบัสขนาดใหญ่ 30 ที่นั่ง พวกเรานั่งกันสบายเลย
เส้นทางที่เราจะไปในวันนี้คือเมืองเนเปิลส์ ระยะทาง 245 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง
เมืองเนเปิลส์ (Naples) หรือที่นิยมเรียกเป็นภาษาอิตาลีว่า เมืองนาโปลี (Napoli) เป็นเมืองหลวงของจังหวัดเนเปิลส์ (Province of Naples ) และ แคว้นกัมปาเนีย (Campania) แคว้นที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของประเทศอิตาลีนั่นเอง ใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากโรมและมิลาน เป็นเมืองต้นกำเหนิดของการทำ pizza
เมืองตั้งอยู่ที่ชายฝั่งด้านตะวันตกของอิตาลีติดกับอ่าวเนเปิลส์ (Naples Bay) กึ่งกลางระหว่างพื้นที่ภูเขาไฟสองแห่ง คือ ภูเขาไฟวิสุเวียส( Vesuvius Mount) และกัมปีเฟลเกรย์ ( Campi Flegrei Mount ) และยังเป็นเมืองที่มีบทบาทสำคัญในคาบสมุทรอิตาลี มาตลอด 2,800 ปีนับแต่ก่อตั้งเมืองขึ้นมา ด้วยเหตุนี้เมืองเนเปิลส์ จึงถือว่าเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยเฉพาะบริเวณใจกลางของเมืองเนเปิลส์ยังเป็นศูนย์กลางเมืองทางประวัติศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก (Unesco) ให้เป็นมรดกโลก ในปี 1995
บริเวณนี้เป็นจุดที่รถพาเรามาส่ง
Castel Nuovo
คาสเตล นัวร์โว (Castel Nuovo) หรือ นิวคาสเซิ่ล (New Castle) ปราสาทยุคกลางที่มีชื่อเสียงของเมืองเนเปิลส์ โดยปราสาทถูกสร้างขึ้นในปี 1282 ตัวอาคารถูกสร้างขึ้นด้วยหินทราย และยังเป็นสัญลักษณ์ทางด้านสถาปัตยกรรมของเมืองซึ่งได้รับการขยายหรือปรับปรุงมาหลายครั้งนับตั้งแต่ได้เริ่มสร้าง
ตัวปราสาทโดดเด่นด้วยซุ้มประตูทรงกลมสูงตระหง่าน
เสากลางใหญ่แกะสลักรูปทหารลายนูนสูง
ประตูเหล็กแกะสลักลายนูนสูงเช่นกัน
ด้านในตัวปราสาท ปัจจุบันปราสาทแห่งนี้ได้กลายเป็นที่ทำการเทศบาล
ด้านบนของกำแพงเมือง ทำช่องสำหรับใส่ปืน และมีตัวอย่างของลูกปืนขนาดใหญ่ยังโชว์ให้เห็นอยู่
หลังจากเดินชมปราสาทได้สักพักพวกเราก็เดินตรงไปยังช้อปปิ้งเซนเตอร์ในเมืองเนเปิลส์ชื่อ Galleria Umbreto I
ไม่ค่อยมีร้านค้า brand name สักเท่าไร คนเดินไม่เยอะเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ
เมื่อเดินไปจนสุดทางเราก็เห็น เทียโตร ซาน คาร์โล (Teatro San Carlo) โรงละครโอเปร่า อยู่ตรงข้าม
โรงละครโอเปร่าที่ได้รับการยอมรับความมีความเก่าแก่และใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งในในอิตาลีและยุโรป โดยโรงละครถูกก่อตั้งขึ้นโดย Bourbon Charles VII of Naples โรงละครได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อ Giovanni Antonio Medrano และ Angelo Carasale และโรงละครแห่งนี้ยังคงถูกใช้งานอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
จากนั้นพวกเราก็เดินย้อนกลับไปท่าเรือเพื่อที่จะเดินทางต่อไปยังเกาะคาปรี
นักท่องเที่ยวมาต่อคิวซื้อตั๋วที่บริเวณนี้
ท่าเรือที่จะข้ามไปเกาะคาปรีอยู่ตรงข้ามกับ Castel Nuovo มองไปก็เห็นปราสาทตั้งอยู่ตรงข้าม
เดินอ้อมมาด้านหลังก็ถึงท่าเรือ
พวกเรานั่งเรือลำนี้เพื่อข้ามไปเกาะคาปรี
พวกเรายืนรอคุณโจสักพัก ก็ได้รับแจกตั๋วเพื่อเดินทางต่อ เรือออกเวลา 12.40 น.ราคาตั๋ว 19.10 ยูโร
พร้อมจะไปต่อแล้วคะ
เรือที่พวกเราโดยสารไปเป็นเรือไฮโดรฟอยล์ (hydrofoil) เดินเรือนุ่มมาก ไม่มีความรู้สึกว่าเมาเรือเท่าไหร่
ป็นเรือแบบปิด ทำให้ไม่สามารถถ่ายวิวได้ ดังนั้นเราจึงนอนเอาแรงเพื่อไปเที่ยวต่อ