วันนี้เรารับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์ของโรงแรม  ที่ประเทศอังกฤษเขานิยมรับประทานเห็ด โดยเฉพาะเห็ดพอร์โทเบลโล (Portobello)  มีลักษณะคล้ายร่ม มีขนาดใหญ่ตั้งแต่ 2 นิ้วจนเกือบเท่าจานข้าว มีประโยชน์มาก แคลลอรี่ต่ำ ไม่มีไขมัน

อาหารโรงแรมที่เราพักคุณภาพดีมาก และมีเห็ดพอร์โทเบลโลด้วย เราทานเห็ดนี้ทุกวันเลยแทนเนื้อสัตว์ เพราะเริ่มเบื่อ ไส้กรอกกับแฮมเต็มที

 Cardiff เมืองหลวงแห่งแคว้นเวลส์ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านการทำเหมืองแร่ โดยส่งแร่ไปให้ประเทศอังกฤษ นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมการเดินเรือและการขนส่งสินค้า ปัจจุบันเป็นเมืองท่าของเวลล์อีกด้วย

เมื่อวานฝนตกหนักมาก พวกเราไม่ได้ลงจากรถไปถ่ายรูปเลยเพราะทั้งเปียกและหนาว วันนี้จึงได้แต่ขับรถผ่านชมเมืองเราผ่าน ศูนย์ราชการ และพิพิธภัณฑ์ของเมือง Cardiff  ก่อนจะอำลาเมือง

โปรแกรมวันนี้เราจะไปเที่ยว เบอร์ตัน ออนเดอะวอเตอร์ ระยะทาง 135 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง

 เบอร์ตัน ออนเดอะวอเตอร์( Bourton on the water )หมู่บ้านชนบทในยุค 70 อยู่ในแคว้นคอตส์โวลด์ (Cotswolds)  เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ เงียบสงบ สวยงาม น่าอยู่และมาพักผ่อนหย่อนใจ และผู้สูงอายุนิยมมาพักผ่อน ที่นี่

 

พื้นที่บริเวณนี้มีทุ่งหญ้าและเลี้ยงแกะมากมาย เล่ากันว่า 200 ปีที่แล้ว ชาวพื้นเมืองที่นี้จะทำอุตสาหกรรมทอผ้า  สาวๆก็จะอยู่ในโรงงานทอผ้า แรกๆจะใช้แรงงานคน แต่ต่อมาใช้พลังงานของน้ำช่วยในการทอผ้า ต่อมาเมื่อมีการปฏิวัติอุตสาหกรรมก็จะใช้เครื่องจักรเข้ามาช่วย  เพื่อให้มีการผลิตผ้า wool เยอะมาก ดังนั้นเมื่อมีการนำเครื่องจักรเข้ามาประกอบกับไม่มีการป้องกันที่ดี สาวๆโรงงานทอผ้าจึงมีอาการหูดับ เพราะเสียงเครื่องจักรดังมาก ปัจจุบันเป็นเมืองท่องเที่ยว

หมู่บ้านยังคงสภาพเดิม ในศตวรรษที่ 15 และ 16 บ้านหินสีน้ำผึ้ง  และมีปล่องไฟอยู่บนหลังคา

วันนี้ฝนยังคงตกเล็กน้อยและอากาศก็หนาวมาก ประมาณ 7 องศา

 แม่น้ำวินด์รัช (Windrush) ใสสะอาดไหลผ่านใจกลางหมู่บ้าน มีสะพานเล็ก ๆ ทอดข้ามแม่น้ำเป็นช่วง ๆ 5 สะพาน สะพานที่เก่าแก่ที่สุดชื่อ “The Mill Bridge” สร้างในปี คศ.1654

หมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ โรงแรม  มีร้านค้าร้านอาหาร ร้านกาแฟ น่ารักๆ น่านั่งเล่น

ต้นหลิว (Willow Tree) อยู่ริมลำธาร เป็นจุดถ่ายรูปที่สวยงาม

คนอังกฤษชอบที่จะเดินเล่นและชอบการจูงน้องหมาเดินเล่น ( walk a dog ) ด้วย

ร้านนี้น่านั่งมาก พวกเราถ่ายรูปวิวจากร้านนี้หลายรูปเลย ก่อนจะออกจากที่นี่

วิวระหว่างทางไปยังสแตนฟอร์ด บ้านเกิดของวิลเลียม เช็คสเปียร์  ระยะทาง 44 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 45 นาที

 (Stratford-upon-Avon) เป็นเมืองบ้านเกิดของวิลเลียมส์ เช็คสเปียร์ กวีเอกของโลกและเป็นกวีเอกในยุคของควีนอลิซาเบทที่ 1  ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเอวอน

 บ้านเช็คสเปียร์ถือได้ว่าเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมแบบทิวดอร์ รอบบ้านตกแต่งด้วยสวนในสไตล์อังกฤษ

บ้านทรงทิวดอร์ยุค 1666 เป็นบ้านไม้ผสมกับปูน ใช้ไม้เป็นท่อนๆ นำมาตกแต่ง ชั้น2จะยื่นออกมาเพื่อให้ใช้พื้นที่ให้คุ้ม ฝาผนังชั้น2ประดับด้วยไม้ทำเป็นลวดลายสวยงามและนำมาใช้กระจกนำมาประกอบ ในยุคนั้นกระจกแพงมากๆ ถ้าบ้านไหนมีช่องหน้าต่างมากๆและนำกระจกมาประกอบถือว่ารวย ถ้ามีเงินไม่มากก็จะใช้ไม้เป็นบานเซี้ยมเหมือนภาคเหนือของเรา

วิลเลียม เช็คสเปียร์ เป็นกวีเอกในยุคควีนอลิซาเบทที่ 1 ตั้งแต่ปี ค.ศ.15ุ64   และรับศีลที่โบสถ์ทรีนิตี้ ของเมืองนี้ เขาได้เรียนหนังสือขั้นพื้นฐานที่โรงเรียนในหมู่บ้านและได้เรียนภาษาลาติน คุณครูได้นำวรรณกรรมมาแสดงที่โรงเรียน เขาจึงได้เห็นทักษะการแสดงละคร และบทประพันธ์ทำให้เขามีความชอบในบทละครตั้งแต่เด็กๆ

บิดาชื่อ จอห์น เชคสเปียร์ พ่อค้าเมล็ดพืช และทำถุงมือ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรีของเมืองสแตทฟอร์ท ด้วยความที่ดูแลเมืองจึงไม่มีเวลาดูแลธุรกิจตนเองทำให้ประสบกับการล้มละลาย เช็คสเปียร์จึงออกจากโรงเรียน มาช่วยธุรกิจที่บ้าน แต่เขาก็ยังรักการอ่านหนังสือ

เชคสเปียร์ แต่งงานเมื่ออายุ 18 ปี กัน แอนน์ แฮธาเวย์ ซึ่งมีอายุมากกว่าเขา ปี  มีบุตรธิดา 3 คน  เมื่อมีเวลาว่างเขาก็จะอ่านหนังสือหรือจดบันทึก วันหนึ่งเขาเห็นประกาศจากคณะละครในกรุงลอนดอนรับสมัครพนักงาน เขาขออนุญาตภรรยาไปทำงานในโรงละคร และเธอก็อนุญาต งานแรกที่เขาได้ทำคือคนจูงม้าที่จะเข้าฉาก และเขาก็ยังทำในสิ่งที่เขาชอบคืออ่านนวนิยายและเขียนบทประพันธ์อยู่ตลอดเวลา นิยายที่เขาเขียนออกมาสามารถสื่อให้เห็นถึงอารมณ์ต่างๆในขณะที่ผู้ประพันธ์คนอื่น ยังไม่สามารถเขียนได้ เขาทำงานดีจนเจ้าของคณะละครเห็น จึงอนุญาติให้เขาไปทำความสะอาดและคัดลอกบทประพันธ์ในห้องเก็บบทละคร ซึ่งเป็นโอกาสให้เขาได้อ่านบทประพันธ์ต่างๆและลองซ้อมบทละครจนเหมือนเป็นตัวละครนั้น เจ้าของคณะจึงให้เขามาแสดงละคร และเขาก็ได้เป็นนักแสดงอีกอาชีพหนึ่ง

นอกจากนั้นเขาก็ยังคงเขียนบทประพันธ์อย่างต่อเนื่อง และเขาก็มีโอกาสได้แสดงละครต่อหน้าควีนอลิซาเบทที่ 1  และทำให้คณะละครของเขาเป็นคณะละครที่แสดงให้กับควีนอลิซาเบทอยู่เรื่อยๆ จนชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก

บทละครของเขามี Romeo and Juliet, King Lear, Hamlet, Othello, Macbeth, Midsummer Night’s Dream ฯลฯ เชคสเปียร์ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเขียนบทละครผู้ที่เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงแก่นแท้ในจิตใจของมนุษย์ ผลงานของเขามักจะสะท้อนถึง ความรัก ความโลภ ตัณหา กิเลสในจิตใจของมนุษย์ทุกเพศทุกวัย ทุกชนชั้น ตั้งแต่กษัตริย์ นักรบ พระ พ่อค้า โจร ชาวบ้านไปจนถึงข้าทาส ได้อย่างถึงแก่น บทละครของเขาได้รับการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ถูกนำไปแสดงตามโรงละครทั่วโลก และถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์มาจนถึงทุกวันนี้

 บั้นปลายชีวิตของเขา เขากลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิดของเขา และเสียชีวิตที่นี่ เมื่อค.ศ. 1616 อายุรวม 52 ปีศพของเขาถูกฝังอยู่ในโบสถ์ The Holy Trinity ของเมืองนี้ ซึ่งเป็นโบสถ์เดียวกับที่เขาทำพิธีล้างบาปในตอนเด็ก

พวกเราไม่ได้เข้าไปชมภายในบ้านเช็คสเปียร์ เนื่องจากว่ากลัวไม่ทันเวลา จึงเดินเล่นรอบๆเมือง

ตู้ไปรษณีย์และตู้โทรศัพท์สัญลักษณ์ประเทศอังกฤษยังคงคลาสสิคอยู่

 Harvard’s House บ้านของ แคทเธอลีน โรเจอร์ส คุณแม่ของจอห์น ฮาร์ดวาร์ด ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัย Harvard ลักษณะโครงสร้างมีการแกะสลัก บ้านพวกนี้มีอายุมากกว่า 400 ปี เขายังคงอนุรักษ์บ้านเป็นอย่างดี

บ้านพวกนี้ใช้ไม้ท่อนซุงท่อนใหญ่ทำเป็นคาน ในสมัยก่อนใช้หมุดที่เป็นไม้ยึดขัดกับคานแทนการตอกตะปู  ลวดลายสวยงาม รวมทั้งรางน้ำก็ยังคงอันเดิมไว้อยู่

เราเดินชมเมืองไปเรื่อยๆ จะมีบ้านทรงทิวดอร์ตลอดแนว ตึกสีส้มเป็น ธนาคาร HSBC ตั้งโดดเด่น

พวกเรารับประทานอาหารกลางวันที่นี่ อร่อยมากและตบท้ายด้วย mango sherbet และ shortbread หรือคุ๊กกี้ แต่ที่อังกฤษ เรียก shortbread เป็นขนมประจำท้องถิ่นของสก็อตแลนด์ รสหอมหวาน อร่อย โดยเฉพาะทานกับเชอเบทมะม่วงอร่อยมากเลย

ออกจากร้านอาหารก็เห็นโบสถ์เล็กๆของเมือง

เราเดินเข้ามาใกล้โบสถ์

เราเดินเข้าไปชมภายในโบสถ์ ตกแต่งแบบเรียบง่าย

เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราก็เดิน shopping กันต่อ ที่นี่มีร้านค้ามากมายเช่น ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายรองเท้า ร้านขายของที่ระลึก ร้านขายชา ร้านขายครีมบำรุงผิว และร้าน Mark&Spencer เป็นร้านใหญ่ ที่นี่สตอเบอรี่ถูกมาก เราซื้อกลับไปทาน ลูกใหญ่ อร่อยด้วย

และที่สำคัญเมืองนี้มีร้าน Poundland  ร้านนี้มีสินค้าทุกอย่างราคา 1 ปอนด์ ถูกมาก ไม่ว่าจะเป็นลูกอม ขนม หรือของใช้ และก็มี สินค้า 2 ,3,5 ปอนด์ ด้วย และราคาไม่แพงเลย เราเลยจัดไป 1 ตะกร้า

หลังจากเดินซื้อของเสร็จ เราก็เดินกลับทางเดิม

Noble fool  ประติมากรรมตัวตลก อยู่บนถนน  Henley Street ซึ่งเป็นท่าชวนเชิญนักท่องเที่ยวในเอวอน-สแตรทฟอร์ด

ด้านหน้าตัวตลกจะแสดงถึงรอยยิ้ม แต่ด้านหลังซ่อนหน้ากากของความทุกข์ระทมไว้

หลังจากเดินเล่นชมเมืองประมาณ 2 ชั่วโมงเราก็ออกเดินทางต่อไปยังเมืองแมนเซสเตอร์

มื้อเย็นนี้รับประทานอาหารจีนที่ร้าน Glamnous ชั้นล่างของร้านเป็นซุปเปอร์มาเกตค้าส่งขายอาหารเอเชียที่ใหญ่มาก มีทั้งเครื่องปรุงอาหารจีน ไทย เกาหลี ญี่ปุ่น เวียดนาม มาเลเซีย  แต่ร้านปิด 19.00 น. เราเลยไม่ได้เข้าไปดู

อาหารอร่อยดี เนื้อปลาสดมาก

หลังจากนั้นรถก็มาส่งเราที่โรงแรม Macdonald Manchester Hotel เป็นโรงแรม 4 ดาว อยู่ใกล้สนาฟุตบอลแมนเซสเตอร์ ประมาณ 2 กิโลเมตร  เพื่อนในกลุ่มไปดูบอลคืนนี้กันเพราะมีแข่งระหว่างลิเวอร์พูลกับแมนซิตี้ แต่เราไม่ชอบดู จึงกลับไปพักผ่อน คืนนี้นอนสบายเลย

ต่อไป Old Trafford

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here