ฝรั่งเศส

วันนี้เป็นวันที่เดินทางมาราธอนที่สุดก็ว่าได้พวกเราออกจากโรงแรมประมาณ 08.00น. เพื่อเดินทางเข้าสู่กรุงปารีส กว่าจะถึงปารีสก็ประมาณ 13.00 น.ต้องบอกว่านั่งจนเมื่อยเลย

หอไอเฟลถูกออกแบบและก่อสร้างโดยวิศวกรชาวฝรั่งเศส *อเล็กซ์ซานเดอร์ กุสตาฟ เอฟเฟล* สร้างขึ้นเป็นสัญลักษณ์ และซุ้มทางเข้างานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ ในปีค.ศ.1889 หรือ พ.ศ.2432 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของการปฏิวัติฝรั่งเศส ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่าเป็นโครงเหล็กน่าเกลียด แต่มาวันนี้หอไอเฟลก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของมหานครปารีสไปซะแล้ว มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเข้าชมมากมาย

เมื่อหอไอเฟลสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) หอไอเฟลกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกแทนที่อนุสาวรีย์วอชิงตัน และได้ครองตำแหน่งนี้มาเรื่อยๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930) ก็ได้เสียตำแหน่งให้แก่ตึกไครส์เลอร์ (319 เมตร หรือ 1,047 ฟุต) ปัจจุบันฟอไอเฟลสูงเป็นอันดับที่ 5 ในประเทศฝรั่งเศสและสูงที่สุดในกรุงปารีส

หอไอเฟล

เวลาขึ้นหอไอเฟลประมาณ 15.00 น. พวกเราจึงเดินทางไปยังจตุรัสทรอคคาเดโร ซึ่งเป็นจุดที่มองเห็นวิวและถ่ายภาพกับหอไอเฟล ได้อย่างชัดเจนที่สุด

เมื่อพวกเราถ่ายรูปกันจนเต็มอิ่มแล้วจึงนั่งรถกลับมายังหอไอเฟล ซึ่งพวกเราก็มารอคิวเพื่อขึ้นไปยังชั้น 2 ของหอไอเฟล วันนี้ลมแรงและหนาวกว่าทุกวันโชคดีที่เราเอา overcoat ตัวหนาติดมาด้วย

หอไอเฟล

หอไอเฟลมีความสูง 300 เมตร (986 ฟุต) ซึ่งไม่รวม เสาอากาศ 24 เมตร (72 ฟุต) ด้านบน ถ้าเปรียบเทียบกับตึกแล้วจะมีประมาณ 75 ชั้น
น้ำหนักเหล็กที่ใช้ก่อสร้างนั้นทั้งหมด 7,300 ตัน และถ้ารวมทั้งหมดก็เป็น 10,000 ตัน

ด้านล่างเป็นทางขึ้นหอไอเฟล ซึ่งมีทั้งลิฟต์และบันได
จำนวนบันไดนั้นเปลี่ยนแปลงตลอด เมื่อแรกเริ่มนั้นมี 1710 ขั้น ในทศวรรษที่ 1980 มี 1920 ขั้น และในปัจจุบัน มี 1665 ขั้น

ข้างบนหอไอเฟลจะมีให้เลือก 3 ระดับ ชั้นแรกสามารถเดินขึ้นไปได้ ชั้นสองและสามอาจจะต้องขึ้นลิฟท์ ราคาตั๋วก็แล้วแต่ว่าขึ้นไปชั้นไหน ชั้นบนสุดก็ประมาณ 10.50 ยูโร หรือ 500 บาท แต่ชั้น 2 เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด เพราะจะเห็นทัศนียภาพโดยรอบ

หอไอเฟล

มีหุ่นคนขับลิฟต์ด้วยนะแต่เขาไม่ได้ขับจริง

หอไอเฟล

เห็นทิวทัศน์แม่น้ำแซน

แม่น้ำแชน

กลุ่มอาคารโค้งนั้นก็คือ Palais de Chaillot ตัวตึกเป็นปีกโค้ง 2 ข้างหันหน้าลงสู่แม่น้ำแซนน์ ภายในเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ โรงละครแห่งชาติ และสวน Jadin de Trocadero ส่วนที่เห็นอาคารสูงอยู่ไกลๆนั้นเป็นเขตธุรกิจ La Defense

จตุรัสทรอคคาเดโร

วิวบนหอไอเฟล

หลังจากถ่ายรูปซักพักเราก็มาหลบความหนาวด้วยการซื้อของที่ระลึกกัน

จากนั่งพวกเราก็เตรียมลงเรือเพื่อล่องแม่น้ำแซน

แม่น้ำแซนรู้จักกันทั่วไปว่าเป็นแม่น้ำแห่งชาติฝรั่งเศส เป็นเอกลักษณ์ที่แสดงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ของชาวฝรั่งเศส มีความขลังในความโรแมนติกปรากฏอยู่ในภาพยนตร์รักหวานชื่นของฮอลลีวูดหลายเรื่อง และล่าสุดก็เป็น scene ของหนังโด่งดังเรื่อง Da Vinci Code จริงๆ แล้ว แม่น้ำเซนมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม มาตั้งแต่สมัยที่โรมันยึดครองฝรั่งเศสเมื่อกว่าพันปีมาแล้ว แม่น้ำเซนมีต้นกำเนิดจากที่ราบสูงในภาคตะวันออกของฝรั่งเศส แถบเทือกเขาแอลป์ (Alps) ไหลมารวมกับแม่น้ำสาขาหลายสายก่อนจะไหลผ่านเมืองปารีส เป็นสายใย แห่งชีวิตของชาวฝรั่งเศส ตั้งแต่ที่ราบสูง ทางตะวันออกไปจนจรดที่ราบลุ่มทางตะวันตกเฉียงเหนือ

เรือล่องแม่น้ำแชน

พวกเรานั่งเรือหน้าตาแบบในรูปแต่ไม่ใช่เรือ 2 ลำนี้

เรือล่องตามเส้นทางในแผนที่ ใช้เวลาในการล่องเรือ 1 ชั่วโมง

เส้นทางการล่องแม่น้ำแซน

สะพานนี้เป็นทางเชื่อมระหว่าง Grand Palais & Petit Palais กับ Hotel des Invalides ซึ่งอยู่คนละฝั่งของแม่น้ำ แซน

สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 1900 ก้อนหินก้อนแรกในการสร้าสะพานได้ถูกวางลงโดยพระเจ้าซาร์ นิโคลัส ที่ 2 แห่งรัสเซีย ในเดือนตุลาคม ปี1896 จึงถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างรัสเซีย กับฝรั่งเศส และได้ตั้งชื่อตามชื่อพระราชบิดาของพระเจ้าซาร์ นิโคลัสที่ 3 ซึ่งก็คือ “พระเจ้าซาร์ อเล็กซานเดอร์ ที่ 3 “

สะพาน Alexandreที่3

Grand Palais เป็นสถาปัตยกรรมโครงสร้างเหล็กและแก้ว ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นสถานจัดแสดง exhibition ขนาดใหญ่ ถูกสร้างขึ้นในปี 1900 ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่องาน exposition universelle de 1900 งาน world fair ครั้งใหญ่ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 เมษายน ถึงวันที่ 12 พฤศจิกายน ปี 1900 ซี่งมีผู้เข้าชมรวมทั้งหมดกว่า 50 ล้านคน

Grand Palais

Place de la concorde เป็นจัตุรัสที่กว้างใหญ่ที่สุดของกรุงปารีส สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ระหว่างปี ค.ศ. 1753-1775 โดยทรงให้ Jacques-Ange Gabriel เป็นสถาปนิกออกแบบตกแต่งบริเวณ ในบริเวณลานกว้างใหญ่เนื้อที่ 62,000 ตารางเมตร มีรูปปั้น น้ำพุ มีเสาหินสูง 23 เมตร ชื่อ โลเบลิสต์ เดอ ลุกซอร์ ( L’Obélisque de Lougsor ) ซึ่งปาชาโมฮำเม็ด อาลี แห่งอียิปต์ถวายแก่พระเจ้าหลุยส์-ฟิลลิป ในปี ค.ศ. 1836

จัตุรัสแห่งนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสเพราะในสมัยปฏิวัติใหญ่ของฝรั่งเศส ปีค.ศ. 1789 นั้น เป็นที่ที่ประหารพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารีอองตัวเนต ด้วยเครื่องกิโยติน ( Guillotine ) ชื่อของจัตุรัสตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1795 ว่า Place de la Concorde โดยมีเหตุผลที่จะสมานความสามัคคีระหว่างผู้ปฎิวัติและผู้ถูกปฎิวัติ คำว่า concorde หมายความว่า ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

Place de la concorde

Conciergerie เคยเป็นที่อยู่ของ gouverneur ของ la maison du Roi ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1392 ได้กลายเป็นคุก ในระหว่างการปฏิวัติใหญ่ของฝรั่งเศส ( ปี ค.ศ. 1793-1794 ) ลาคองแซจเชอคี กลายเป็นคุกของรัฐ ( prison d’Etat ) มีโศกนาฎกรรมต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ในช่วงที่เป็น prison d’Etat La Conciergerie สวยงามและเด่นสง่าเมื่อมองจากเกาะกลางแม่น้ำแซน (I’île de la Cité) ส่วนที่เด่นของ la Conciergerie คือหอคอยกลม ( les tours rondes ) และหอนาฬิกาสี่เหลี่ยม ( la tour carée de l’horloge )

La Conciergerie

Le Panthéon ( เลอปองเตอง)เป็นอนุสาวรีย์ที่ใหญ่ที่สุดใน le quartier Latin โดมสูง 80 เมตร ตัวอาคารยาว 110 เมตร กว้าง 82 เมตร เริ่มสร้างในสมัยพระเจ้า หลุยส์ที่ 15 โดยพระองค์ทรงวางศิลาฤกษ์เองในปี ค.ศ. 1764 สถาปนิก คือ Soufflot ซึ่งต่อมาได้เป็นชื่อถนนด้านหน้าของ Panthéon เพื่อเป็นเกียรติแก่สถาปนิกผู้ยิ่งใหญ่คนนี้

Le Panthéon ( เลอปองเตอง)

มหาวิหารโนตเตรอดาม สร้างขึ้นในสมัยกษัตริย์ Childbert I ราว ค.ศ. 528 โดยสร้างทับซากโบสถ์แซงต์ เอเตียง ซึ่งเป็นโบสถ์เก่าแก่ ในสมัยที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ และได้มีการดำเนินการก่อสร้างเพิ่มเติมเรื่อย ๆ เริ่มตั้งแต่สมัยของพระสังฆราช (บิชอป) มอริซ เดอ ซุยล์ลี เป็นต้นมา แล้วเสร็จในปี 1888 รวมระยะเวลาการก่อสร้างนานถึง 182 ปี
เป็นสถาปัตยกรรมแบบกอธิคที่สมบูรณ์แบบ ทั้งใหญ่โตมโหฬาร และเริ่ดหรูอลังการด้วยงานศิลปะตกแต่ง ด้านหน้ามหาวิหารมีลานกว้าง ประตูทางเข้าเป็นประตูโค้ง 3 บาน แต่ละบานสูง 20 ฟุต โดยประตูทั้งสามมีชื่อเรียกกันเรียงจากซ้ายไปขวา ได้แก่ ประตูบริสุทธิ์ ประตูพิพากษาครั้งสุดท้าย และประตูนักบุญแอนน์ เหนือประตูทั้งสามคือรูปปั้นกษัตริย์ 28 องค์ของชาวยิวโบราณ

มหาวิหารโนตเตรอดาม

และจุดสุดท้ายที่เรือแล่นผ่านคือหอไอเฟล

หอไอเฟล

จากนั้นรถบัสก็พาเราไปที่ถนนช็อง-เอลิเซ่ โดยให้พวกเราได้เดิน Shopping กันตามอัทธยาศัย….รถแล่นผ่านประตูชัย

ประตูชัย(Arc de Triomphe) ตั้งอยู่บนถนนช็อง-เอลิเซ่ บริเวณจตุรัสแห่งดวงดาว (Place de l’Etoile) เป็นประตูชัยที่สร้างโดยสถาปนิก ชื่อ ช็อง ชาลแกร็ง (Jean Chalgrin) ในสมัย พระเจ้านโปเลียนที่1 และเสร็จในสมัยพระเจ้าหลุยส์-ฟิลลิปส์ (ค.ศ 1810-1836) สูง 50 เมตร หนา 50 เมตร และกว้าง 45 เมตร ประตูชัยแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการสดุดีวีรชนทหารกล้าที่ได้ร่วมรบเพื่อประเทศฝรั่งเศส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสงครามนโปเลียน และในปัจจุบันยังเป็นสุสานของทหารนิรนามอีกด้วย

ประตูชัย

บนถนนเส้นนี้มีร้าน Brand Name ชั้นนำมากมายซึ่งรวมทั้งร้าน Louis Vuitton ซึ่งเป็นร้านที่สาวๆส่วนใหญ่ชื่นชอบ

ประวัติของร้าน เมอร์ซิเยอร์ หลุยส์ วิตตอง เปิดร้านขายกระเป๋าเดินทางที่ปารีส เมื่อปี ค.ศ.1854 สินค้าของเขาก็ได้รับความนิยมมาก จนต้องขยายโรงงานอย่างรวดเร็วจนต่อมาลูกชายของเขาได้ติดตัวอักษร LV มาลงที่เครื่องหนังเพื่อป้องกันคนปลอมแปลงสินค้าและขยายยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน

ร้านนี้ปิด 20.00 น. ซึ่งทำให้เราพอมีเวลาในการเลือกชมสินค้า แต่มีลูกค้าจำนวนมากทำให้ต้องรอคิวนานเช่นกัน

ร้าน Louis Vuitton

จากนั้นเราก็มารับประทานอาหารเย็นบริเวณนั้น พวกเราตกลงใจกันว่าจะดูการแสดงลิโด้คืนนี้จึงให้ไกด์จองที่นั่งเพื่อเข้าชม

Lido ตั้งอยู่บนถนนซ็อง-เอลิเช่ เป็นการแสดงคล้ายคาบาเร่บ้านเรา ค่าเข้าชม 120 ยูโร หรือ 6,000 บาทต่อคน

Lido

รอบที่เราเข้าชมประมาณ 21.30 น. เขาไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปด้านใน เราจึงถ่ายรูปได้แค่นี้ ข้างในจะมีเครื่องดื่มให้ด้วย ถ้าเป็นน้ำอัดลมหรือน้ำส้มจะได้ 2 ที่แต่ถ้าเป็น wine จะได้ที่เดียวหรือถ้าเป็นแชมเปญ 2 คนต่อ 1 ขวด เราไปดูช่วงแรกๆก็ตื่นตาดีแต่หลังๆง่วงนอนอย่างไรไม่รู้ แต่ก็ดูจนจบเพราะเสียดายเงิน แต่หนุ่มๆคงชอบดูเพราะสาวๆที่นี่ ขาว สวยและอึ๋ม

LIDO

เราออกจากลิโด้ประมาณ 23.00 น. ก็ต้องรีบกลับโรงแรมไม่มีเวลาถ่ายรูปวิวยามค่ำคืนเลย เพราะต้องจัดกระเป๋า กว่าจะได้นอนประมาณ 01.00 น.

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here