EZE village-Grasse

วันนี้เราจะไปเที่ยว EZE village เราใช้บริการรถบัสเช่นเคย แต่วันนี้เราไม่เดินไปชุมทางรถบัส Gare Routiere แล้วเพราะไม่ทันเวลาตารางรถที่เราแอบดูเมื่อวานนี้ จึงนั่งรถไฟลงที่สถานี Cathedrale-vielle ville ค่าโดยสาร 1 ยูโร

เรารอขึ้นรถบัสสาย 82 ตรงช่องที่ 20 เพื่อไปหมู่บ้าน EZE แต่ก่อนขึ้นเราก็เดินไปยังสำนักงานของรถบัสเพื่อขอตารางเวลาของรถ นอกจากสาย 82 แล้วสาย112 ก็ไปยังหมู่บ้าน EZE ได้ แต่เราสังเกตุตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่เห็นสาย 112 เลย ค่าโดยสารคนละ 1 ยูโร ใช้เวลาไปยัง EZE 20 นาที

รถบัส

หมู่บ้าน EZE กำเนิดมาจากที่พักของพวกคนป่า เมื่อ 2 พันปีก่อนคริสตกาลมาแล้วโดยสร้างอยู่บนเทือกเขาสูง ที่อยู่ติดทะเล ต่อมาเมืองก็ถูกครอบครองโดยชาวโรมัน และสร้างเป็นป้อมปราการอยู่บนภูเขา เพื่อให้มองเห็นข้าศึกได้แต่ไกล

หมู่บ้านEZE ที่อุดมไปด้วยต้นมะกอก และวิวอันที่สวยงามริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่นี่ต่อมากลายเป็นที่พักผ่อนของพวกราชนิกูล ศิลปิน และกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของคนจากทั่วทุกมุมโลกในปัจจุบัน

หมู่บ้าน EZE

เมื่อลงจากรถได้สักพักฝนก็ตกโปรยปรายลงมา เราแอบเซ็งเล็กๆอยู่ และอากาศก็เริ่มเย็นด้วยโชคดีที่เราเตรียมเสื้อหนาวอย่างหนามาด้วยทำให้เราไม่หนาวเท่าที่ควร

เราเดินเข้าไปในหนู่บ้านก็เห็นตุ๊กตาพิน็อกคิโอวางไว้ข้างร้านที่ชื่อเหมือนตุ๊กตา ไม่รู้ว่าถูกทิ้งหรือปล่านะ แต่น่ารักดี

หมู่บ้าน EZE

มองไปข้างหน้าเป็นทางเข้าหมู่บ้านเป็นบันไดทอดยาว

หมู่บ้าน EZE

ทางเดินในหมู่บ้าน แม้ฝนตกก็ยังสวย

หมู่บ้าน EZE

บ้านเรือนและทางเดินล้วนทำจากหิน ดูมีเสน่ห์คล้ายเมืองในเทพนิยาย

หมู่บ้าน EZE

หมู่บ้าน EZE

ทางเดินวกวนไปมาแต่ทำให้เราเพลิดเพลินกับตวามงามของสถานที่นี้

หมู่บ้าน EZE

โรงแรม Chateau เป็นโรงแรมที่น่ารักแต่ราคาก็แพงเช่นกัน

หมู่บ้าน EZE

โบสถ์บนหมู่บ้าน EZE

ร้านขายของตกแต่งแบบธรรมดาแต่ตัวบ้านทำให้ร้านนี้ดูน่ารัก

หมู่บ้าน EZE

ร้านขายของตกแต่งอย่างน่ารัก

หมู่บ้าน EZE

ร้านขายรูปวาด

หมู่บ้าน EZE

เราชอบร้านนี้ตกแต่งน่ารักดี มีเป็ดน้อยโชว์อยู่หน้าร้านด้วย

หมู่บ้าน EZE

เดินออกมาเจอประตูรั้วโรงแรม แต่เขาปิดคนนอกเข้าไม่ได้

หมู่บ้าน EZE

เมื่อลงออกมาก็เจอกับกองถ่ายภาพยนตร์

หมู่บ้าน EZE

มองลงมาเห็นกระดานหมากรุกอันใหญ่มาก

หมอกลงพอควร ทำให้เห็นวิวของบ้านเรือนบริวณฝั่งตรงข้ามหมู่บ้านไม่ค่อยขัดเท่าไรนัก แต่ก็ยังคงความงามของธรรมชาติไว้

เราเดินออกจากหมู่บ้าน แต่เราก็แวะซื้อของที่ระลึกที่อยู่ด้านล่างของหมู่บ้าน ราคาไม่แพงมากพอซื้อได้

จากนั้นเราก็เดินทางกลับ Nice ไปยัง Gare Routiere เพื่อต่อรถบัสไปยังเมือง Grasse ต่อรถสาย 500 ค่าโดยสาร 1 ยูโร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1.45 ขั่วโมง รถไฟก็ไปเมืองนี้ได้เช่นกันใช้เวลาในการเดินทาง 1.30 ชั่วโมงแต่ค่าโดยสารแพงกว่ามาก เราจึงตัดสินใจนั่งรถบัสดีกว่า

Grasse

กราซ (Grasse) เมืองที่มีชื่อเสียงทางการผลิตน้ำหอมส่งออกไปทั่วโลก แต่เดิมเคยเป็นแหล่งผลิตเครื่องหนังขึ้นชื่อ และเริ่มมีวิวัฒนาการปรุงแต่งเครื่องหนังด้วยน้ำหอม ความสำคัญของน้ำหอมจึงเริ่มเข้ามาแทนที่เครื่องหนัง นับแต่นั้นมา กราซ จึงกลายเป็นเมืองน้ำหอมอย่างเต็มตัว กราซเคยเป็นแหล่งส่งออกดอกไม้สำหรับสกัดเป็นหัวเชื้อน้ำหอมแหล่งใหญ่ที่สุด พันธุ์ไม้ที่ขึ้นชื่ออย่าง Provence rose เป็นกุหลาบที่มีกลิ่นหอมแรงแต่ราคาสูงมาก ยังมีดอกไม้ที่ใช้ทำหัวน้ำหอมอีก อย่างไวโอเล็ต ดอกมะลิ มิโมชา เพลาร์โกเนียม เจอราเนียม ทิวเบอร์โรส และบรูมส์

พอลงจากรถเราก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนจะหลงทางเพราะเมืองนี้มีซอกซอยเยอะไปหมด

Grasse

ร้านนี้เขาเอาสัตว์ตระกูลกิ่งก่ามาติดไว้ที่อาคาร ดูแปลกดี

เราจึงเริ่มต้นที่ Hotel de ville หรือศาลาว่าการหมู่บ้าน

Hotel de ville

เราเดินเข้าไปข้างใน Hotel de ville มีรูปปั้นน้ำพุ

Hotel de ville

เมื่อเดินเข้าไปข้างในจนสุดจะเห็นจุดชมวิว

Hotel de ville

จุดชมวิว มองเห็นทิวทัศน์ที่อยู่รอบๆเมืองได้อย่างชัดเจน

Hotel de ville

เราเดินเล่นต่อไปในซอกซอยของเมือง มีร้านขายน้ำหอมตกแต่งอย่างน่ารักเต็มไปหมด

ร้านขายน้ำหอมตกแต่งอย่างน่ารักหลายร้านตามซอยต่างๆ

ร้านขายน้ำหอม

น้ำหอมกลิ่นต่างๆมีให้เลือกมากมาย และราคาไม่แพงด้วย

น้ำหอม

ที่นี่เป็นแหล่งผลิตน้ำหอมที่ขึ้นชื่อของโลกมีประวัติยาวนานเกือบ 200 ปี โรงงานรับจ้างผลิตน้ำหอมกลิ่นต่างๆให้กับ Brand ดังๆทั่วโลกและทำ Brand ของตัวเองด้วย

fragonard

น้ำหอมกลิ่นต่างๆที่เหมือนกับ Brand ชั้นนำ แต่ใส่ Packaging ชอง fragonard ราคาไม่แพงจนเราอดใจซื้อกลับไม่ไหว และยังมี Gift set น่ารักๆ ที่เหมาะจะเป็นของฝากอีกมากมาย

น้ำหอม

ข้างๆกันนั้น จะเป็นพิพิธภัณฑ์น้ำหอม เปิดให้เข้าชมฟรี แต่ห้ามถ่ายรูปนะ ข้างในมีประวัติเรื่องราวของน้ำหอม ขั้นตอนการผลิต ตลอดจน บรรจุภัณฑ์ของน้ำหอมในแต่ละยุคสมัย

พิพิธภัณฑ์น้ำหอม

เราเที่ยวชมเมืองเรื่อยๆ จะเห็นอนุเสาวรีย์คนขายน้ำหอม

เมืองนี้สมกับเป็นเมิองเกี่ยวกับน้ำหอมจริงๆ เพราะวงเวียนน้ำพุยังเป็นรูปกุหลาบเลย

ด้านหลังพิพิธภัณฑ์ เป็นสวน ตกแต่งด้วยต้นปาล์มดูสวยงาม

จากนั้นเราเดินเล่นเที่ยวชมน้ำหอมอยู่ในเมืองนี้ประมาณ 2.30 ชั่วโมง ก็เดินทางกลับตามตารางรถ เพื่อกลับไปยังนีช เรานั่งสบายๆบนรถบัส และแอบงีบหลับไป พอตื่นขึ้นมาพบว่าผู้โดยสารแน่นเต็มรถไปหมด รถบัสผ่านโรงแรมที่เราพักด้วยเราจึงแวะลงที่หาด rivera อยู่ด้านหลังโรงแรม

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here