ซีรมิโอเน่
คลิกก่อนหน้านี้ เวโรน่าพวกเราจากเมืองเวโรน่าอย่างประทับใจ จากนั้นพวกเราก็เดินทางต่อไปยังเมืองซีรมิโอเน่เพื่อไปชมทะเลสาบการ์ดา
ระยะทางจากเมืองเวโรน่าไปเมืองซีรมิโอเน่ เป็นระยะทาง 45 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 45 นาที
เมืองซีรมิโอเน่(Sirmione) เป็นเมืองเก่าแก่อายุนับ 2000 พันปีด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เป็นแหลมยื่นเข้าไปในทะเลสาบการ์ดา(Garda)ที่สวยงาม ดังนั้น Sirmione จึงถูกล้อมรอบด้วยทะเลสาบทั้งสองด้าน ในอดีตเคยเป็นเมืองที่มีผู้คนที่มีฐานะในยุคสมัยโรมันใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจและปัจจุบันก็เป็นเมืองพักผ่อนริมทะเลสาบ
รถกำลังผ่านเข้ามาในเมือง
เมืองนี้เป็นเมืองตากอากาศของชาวอิตาลี่ ชาวอิตาลี่ที่มีสตางค์จะซื้อบ้านที่นี่ไว้มาพักผ่อนหย่อนใจในช่วงหน้าร้อนหรือวันหยุด
คนมาเที่ยวกันเยอะมากดังนั้นรถจึงติดยาวมาก พวกเราจึงเดินดีกว่า
บรรยากาศริมทะเลสาบ
ต้นสนรูปร่างแปลกดี คุณโจบอกว่าต้นสนเหล่าไม่ได้มีการตกแต่งแต่อย่างใด มันเป็นทรงอย่างนี้เอง
ร้านขาย wine ตกแต่งอย่างน่ารัก
ก่อนศตวรรษที่ 15 Sirmione อยู่ภายใต้การปกครองของเมืองเวนิส หรือจะเรียกได้ว่าเป็นอาณาบริเวณหนึ่งของเมืองเวนิสนั่นเองเพราะสมัยนั้นเมืองต่างๆ ในประเทศอิตาลียังไม่ได้รวมตัวกันต่างเป็นเอกเทศปกครองกันเอง แถมมีการทำสงครามเพื่อแย่งชิงเมือง Sirmione เลยเป็นเมืองที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ที่สำคัญมีหลักฐานและร่องรอยทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคสมัยโรมันทั้งกำแพงเมืองที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันสงคราม
ปราสาทเก่าแก่ของเมืองชื่อ The Scaliger Castle of Sirmione เมืองนี้เคยอยู่ในการปกครองของตระกูล Scaliger สร้างในปี 1277
เดินผ่านกำแพงมาจะเป็นคูน้ำ
กำแพงเมืองโบราณมีน้ำล้อมรอบ ใช้เป็นป้อมปราการร่วมกับเมืองเวโรน่าเพื่อป้องกันการโจมตีของข้าศึก
ใกล้กำแพงเมืองมีบันได 165 ขั้นสามารถขึ้นไปชมวิวของเมืองได้
มีเป็ดว่ายน้ำเต็มไปหมด
กำแพงด้านบนเป็นตัว M ลักษณะคล้ายคลึงกับเมืองVerona
ทะเลสาบการ์ดา(Garda) ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือของอิตาลี อยู่ระหว่างเมืองเวโรนา(Verona)และเบรสชา (Brescia) บริเวณเชิงเทือกเขาแอลป์ มีความยาวจากเหนือจรดใต้กว่า 55 กม.ความกว้างประมาณ3-17 กม. ครอบคลุมเนื้อที่ 360 ตารางกิโลเมตร และเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี่
อาคารสีสวยๆตัดกับท้องฟ้าและทะเลดูสวยงาม ใกล้ๆกันก็เห็นทะเลกับท่าเทียบเรือ
เราเดินไปตามทางอาคารสีสันเหล่านี้
เดินมาจนสุดซอยก็เจอกับชายหาด
ทะเลที่นี่ไม่น่าเล่นเลย มีแต่หินเต็มไปหมด
พวกเราไปรับประทานอาหารเที่ยงซึ่งอยู่ในร้านอาหารติดชายทะเลในบริเวณนี้ชื่อร้าน La Speranzina ร้านตกแต่งอย่างสวยงาม
ช่วงรอเพื่อนๆที่ยังเดินมาไม่ถึง เราก็ถ่ายรูปเล่นไปพลางๆก่อน
ร้านตกแต่งแนว Vintage ทุกมุมน่าถ่ายรูปไปหมด
วิวทะเลจากระเบียงร้านอาหาร
ระเบียงของร้านก็ดูน่านั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศแสนงดงาม
อาหารกลางวันที่ดูหรูหรามากและที่สำคัญอร่อยมากเลยคะ
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จพวกเราก็ออกไปเดินเล่นกันต่อ
บริเวณซอยนี้จะเป็นร้านขายของ มีของที่ระลึกมากมาย
ที่เมืองซีรมิโอเน่แห่งนี้จะมีไอศกรีม “เจลาโต”ว่ากันว่าร้านไอศกรีมที่นี่มีการแข่งขันกันมาก มีไอศกรีมรสชาติต่างๆ ให้เลือกมากที่สุดในอิตาลี
ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่มากตั้งมาตั้งแต่ปี 1948
ใกล้ทางออกกำแพงมีโบสถ์เก่าชื่อ Sant’Anna della Rocca สร้างในศตวรรษที่ 12
ด้านในตกแต่งเรียบง่าย
ท่าจอดเรือใกล้ทางออก
เราเห็นคนมุงร้านนี้มาก นักท่องเที่ยวรุมซื้อผลไม้กันใหญ่เลย
หน้าตาน่ากินมาก ราคาก็ประมาณกล่องละ 3-6 เหรียญคะ
พวกเราเดินกลับมาที่จอดรถ ซึ่งจอดอยู่ริมทะเลสาบ
บริเวณนี้มีท่าจอดเรือเช่นกัน น่าจะเป็นเรือพานักท่องเที่ยวชมรอบเกาะ
จากนั้นพวกเราก็เดินทางต่อไปยัง เซรราวาลเล เอาท์เล็ต ( Serravalle Disgner Outlet)ซึ่งตั้งอยู่เมือง Serravalle Scrivia ระยะทาง 215 กิโลเมตร ใช้เวลา 2.40 ชั่วโมง
เป็น Outlet ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มีร้านค้าประมาณ 180 ร้านค้า มีร้านค้า brand name มากมายเช่น Prada, Gucci, Ferragamo, Versace, Burberry และอีกมากมาย
ถ้าต้องการ Tax Refund ต้องซื้อของให้ได้มากกว่า 160 ยูโรต่อ 1 บิล วันนี้พวกเราซื้อของกันสนุกสนานจนลืมรับประทานอาหารเย็นจนต้องพึ่ง Burger King
เราว่าถ้าต้องการมา Shopping ควรจะใช้เวลาทั้งวันเพราะมีของให้เลือกหลากหลายดี พวกเราใช้เวลาเดินซื้อของใน Outlet ประมาณ 2 ชั่วโมงยังเลือกไม่ซ์ื้อของไม่ครบเลยแต่ก็ต้องเดินทางต่อไปยังเมืองเจนัว(Genoa)
เจนัว(Genoa)เมืองใหญ่สุดของอิตาลีทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือในแคว้นลิกูเรีย(Liguria) ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เหมาะสมต่อการเดินเรือนี่เอง จึงส่งผลให้เมืองเจนัวกลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญ และเป็นบ้านเกิดของนักเดินเรือผู้บุกเบิกอันเลื่องชื่อ หรือ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ที่เชื่อกันว่าเป็นชาวยุโรปคนแรกที่ค้นพบทวีปอเมริกา
จาก Serravalle Disgner Outlet ถึง Holiday Inn Genoa City Hotel ระยะทาง 54 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
ท่าเรืออยู่ตรงข้ามกับโรงแรม
หลังจาก check in พวกเราก็เดินไปยัง Coop ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโรงแรมเพื่อจะซื้อของกินเพิ่มเติม พอเดินไปถึงห้างก็กำลังปิดพอดี ห้างที่นี่ปิด 20.00 น.
เรามาถึง coop เวลา 19.55 น. พนักงานใจดีมากยอมให้เข้าไปซื้อได้ ทั้งที่เหลือเวลาแค่ 5 นาที เราได้แต่ของกินเพราะไม่มีเวลาดูอย่างอื่นเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้กลับมาซื้อใหม่
เราเดินเล่นร้านค้ารอบๆ coop ไม่นานก็กลับไปจัดกระเป๋าเพราะเมื่อรืนจะกลับประเทศไทยแล้ว รู้สึกว่าเวลาเที่ยวมันน้อยจังเลย…
โปรแกรมพรุ่งนี้เที่ยว Cinque Terre