ซาราโกซา-โทเลโด
9-10 พฤษภาคม 2560
วันนี้พวกเราเดินทางไกลมาก เราจะเดินทางไปยังเมืองซาราโกซ่า ระยทาง 306 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง
วิวข้างทางเป็นทะเลทรายและภูเขาสวยไปอีกแบบ
ไม่ต้องนับต้นมะกอกแล้ว..ดูวิวทะเลทรายเพลินดี
ซาราโกซ่า (Zaragoza) เป็นเมืองหลักที่ตั้งอยู่ในเเคว้นอารากอน ตั้งอยู่ทางทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศที่ความสูงกว่า 199 เมตรจากระดับน้ำทะเล โดยอยู่ริมแม่น้ำเอโบรและบรรดาเเควสาขาของเเม่น้ำอวยร์บาและเเม่น้ำกาเยโก
ลักษณะภูมิประเทศของที่นี่มีความหลากหลายอย่างมาก โดยมีทั้งทะเลทรายอย่าง โลสโมเนโกรส เเถมด้วยทุ่งหญ้า ที่เขียวขจีเเละสวยงามอย่างมาก รวมทั้งป่าทึบที่หน้าเเละทิวเขาที่เเสนจะงดงาม
ในสมัยก่อนเมืองนี้เคยถูกปกครองโดยแขกมัวร์ และในคริสต์ศตวรรษที่ 12 ชาวอารากอน ที่เป็นกลุ่มคนที่นับถือคริสตศาสนาได้เข้ามายึดครองเมืองเเห่งนี้และตั้งให้เมืองเเห่งนี้เป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรอารากอน
เราเดินเข้ามาบริเวณ จัตุรัส Plaza del Pilar เป็นหนึ่งในจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป บริเวณนี้มี โบสถ์ วิหาร และอื่นๆอีกมาหมายและสถาปัตยกรรมที่งดงาม
ไกด์จะพาพวกเราเข้าชมมหาวิหารซานตา มาเรีย เดอร์ฟิวลาร์ แต่ยังไม่ถึงเวลานัดไกด์ท้องถิ่น พวกเราจึงเดินเล่นและถ่ายรูปไปพลางๆก่อน
ไกด์จะพาพวกเราเข้าชมมหาวิหารซานตา มาเรีย เดอร์ฟิวลาร์ (Basilica of Our Lady of the Pillar)
เป็นมหาวิหารคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก โดยมหาวิหารถูกสร้างขึ้นอย่างงดงามในแบบสถาปัตยกรรมสไตล์บาร็อค มหาวิหารนี้สร้างทับโบสถ์หลังแรก มีขนาด 8,318 ตารางเมตร ใช้เวลาสร้าง 191 ปี (ค.ศ.1681–1872)
มีเรื่องเล่าว่า เมื่อค.ศ.39 แม่พระประจักษ์มาหา “นักบุญยาค็อบ อัครสาวก (องค์ใหญ่)” ตอนนั้น นักบุญยาค็อบไปแพร่ธรรมที่เมืองซาราโกซ่า ประเทศสเปน ท่านกำลังท้อแท้มากเพราะมีคนกลับใจน้อยมาก แม่พระประจักษ์มาหาท่านและสัญญาว่า จะเป็นกำลังใจและช่วยเหลือในการประกาศพระวรสาร แม่พระได้มอบ “เสา” หนึ่งต้นให้นักบุญยาค็อบและสั่งให้ท่านสร้างวัดตรงนี้ แม่พระยังได้บอกอีกว่า แม่พระจะเป็นเสาหลักให้กับวัดนี้ตลอดไป
พวกเราเดินเล่นรอบๆจตุรัสก่อนที่จะเข้าภายในวิหาร
ศิลปินชื่อดังโกย่า (Goya) หนึ่งในศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของสเปนและของโลก
โกยา ชื่อเต็มของเขา คือ ฟรานซิสโก โฮเซ โกยา อิลูเธียนเตส เกิดเมื่อ30 มีนาคม พ.ศ. 2289 เขาชอบวาดภาพมากจึงเดินทางไปฝึกวาดภาพในอิตาลี ดังนั้นเมื่อเขาเดินทางกลับสเปนพร้อมประสบการณ์วาดภาพบนผนังโบสถ์ในอิตาลี ทำให้เขาได้รับการว่าจ้างให้วาดภาพ Christ on the Cross บนผนังของมหาวิหารแห่ง Zaragosa ผลงานนี้ทำให้โกยามีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับมาก ดังนั้นเมื่อพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 8 เสด็จขึ้นครองราชสมบัติในปี 2332 พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้โกยาเป็นจิตรกรประจำราชสำนัก ผู้มีหน้าที่วาดภาพเหมือนของพระราชวงศ์ทุกพระองค์
รูปปั้นโดยโกย่า
รูปปั้นเจ้าหญิงโกย่าออกแบบมาให้ผู้หญิงมีลักษณะสมส่วนที่สุด
พอได้เวลาสักพักพวกเราก็เข้าไปข้างในมหาวิหารกัน เราได้แต่เดินชมอย่างเดียว แต่ไม่อนุญาติให้ถ่ายรูป พวกเราเดินข้างในประมาณ 30 นาที ก็กลับออกมาข้างนอก และถ่ายรูปต่อ
บนสะพานคนยังไม่เยอะเท่าไหร่
แม่น้ำเอโบร (Ebro) เป็นแม่น้ำขนาดใหญ่สายหนึ่งทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศสเปนและมีความยาว 910 กิโลเมตร ยาวที่สุดในประเทศ
จากนั้นพวกเราก็เดินเข้าไปภายในตัวเมืองกัน โชคไม่ดีเลย ฝนตก
มีลูกเห็บตกเม็ดใหญ่
พวกเราจึงวิ่งไปหลบที่ร้านไอศครีมกันและ Churros
Churros ขนมสเปน ทำจากแป้ง dough ไม่มีไส้ และแค่โรยน้ำตาล ที่สเปนนิยมรับประทานเป็นอาหารเช้า กับกาแฟ Latte ในบ้านเราก็เห็นมีขายแล้ว
มีเรื่องเล่าว่า นักเดินทางชาวโปรตุเกส เห็นชาวจีนทำ “ปาท่องโก๋” แล้วอยากทำบ้าง แต่ “ยืด” แป้ง dough ไม่เป็นเหมือนคนจีน จึงใช้วิธีใส่ในถุงแล้วบีบออกมาเป็นเส้นๆทอดลงในน้ำมัน
พอฝนหยุด พวกเราก็ออกเดินทางต่อ อำลาเมืองซาราโกซ่า
จากนั้นพวกเราก็ไปต่อยังกรุดมาดริดและต่อไปยังเมืองโทเลโด
เมืองโทเลโด (Toledo) เป็นเมืองหลวงเก่าของสเปน เคยถูกชาวโรมันเข้ายึดครองเมือง 2,200 ปีมาแล้ว ในเวลาต่อมาได้ถูกเปลี่ยนมือเข้าปกครองโดยชาวยุโรปและชาวอาหรับเผ่าต่างๆ อาทิ ชน ชาติมัวร์ จนถึงปี ค.ศ. 1085 จึงได้ตกมาอยู่ภายใต้ความครอบครองของกษัตริย์อัลฟองโซที่ 6 ซึ่งได้ทรงสถาปนาให้เป็นนครหลวงแห่งจักรวรรดิของพระองค์ตลอดมา จนกระทั่งกษัตริย์ฟิลลิปที่ 2 ทรงย้ายราช สำนักไปประทับอยู่ในนครแมดริด ปี 1561 ได้เป็นเมืองมรดกโลกตั้งแต่ปี 1986
เมืองนี้ได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองแห่ง 3 วัฒธรรม เพราะว่าโตเลโด้ได้รวมความหลากหลายทางวัฒนธรรมเอาไว้อันได้แก่ คริสต์ ยิวและแขกมัวร์เป็นเวลาหลายศตวรรษ
รถขับผ่านเมืองเพื่อที่จะขึ้นสะพานไปยังยอดเขา เพื่อไปยังจุดชมวิวกันก่อน
เมืองนี้มีแม่น้ำล้อมรอบอยู่ 3 ด้านมีลักษณะคล้ายเกาะ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Tajo (ตาโฆ่) เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดของคาบสมุทรไอบีเรียเลยทีเดียว ยาว 1008 กม.ไหลลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกที่เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส
จะเห็นวิวของตัวเมืองเก่า อาคารใหญ่ๆ ตรงกลางของเนินเขา คือพระราชวัง Alcazar เคยเป็นป้อมปราการของชาวมุสลิมและคริสเตียน สร้างในศตวรรษที่ 16
ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภํณฑ์ทางการทหาร
จากนั้นก็เริ่มลงมาข้างล่างกัน ..วิวสวยมาก..ไม่ว่ากดกล้องมุมไหนก็สวยไปหมด
จากนั้นไกด์ได้พาพวกเราไปดูสินค้ามีชื่อเสียงของนครโตเลโด้ คือ ดามัสเซเน (Damascene)เป็นภาชนะโลหะลงดำฝังเงิน ทอง และลวดทองแดง แล้วขึ้นลายด้วยใยทองเงินและทองแดง ไกด์บอกว่าเขาใช้ทอง24 K โดยนำเข้ามาจากซีเรีย
พนักงานกำลังทำงานอย่างขมักเขม้น
ล็อคเก็ตแบบสวยๆ
ที่นี่มีชื่อเสียงในด้านการทำดาบ ในสมัยก่อนมีการใช้ดาบในการขับไล่พวกมุสลิม
ดาบของเมืองโทโลโด้มักจะใช้ในหนังฮอลลิวู้ด เช่น Loard of the ring , Game of thrones
หมากรุก
ตุ๊กตาฟลามิงโก้
จากนั้นพวกเราก็เข้าไปในตัวเมือง
ฝาท่อเมืองนี้ทำเป็นรูปแผนที่ของเมือง
พวกเราผ่านพระราชวัง Alcazar แต่พวกเราไม่ได้เข้าไป
และชมภายในวิหาร Toledo Cathedral วิหารประจำเมือง เดิมเป็นสุเหร่าของชาวมุสลิม ต่อมาได้เป็นโบสถ์คริสต์
วิหารแห่งนี้ ออกแบบโดยใช้สถาปนิกและช่างก่อสร้างของโบสถ์นอทเทอร์ดัม Notre Dame Cathedral
สถาปัตย์สไตล์บารอกและภายนอกเป็นสไตล์กอธิคสร้างปี 1221 และเสร็จสมบูรณ์ในอีก 300 ปีถัดมา นับเป็นมรดกแสดงความเป็นเมืองศาสนาของสเปน
มีหอระฆังสูง 92 เมตร ตัวระฆังชื่อ ฆอดา แปลว่าระฆังใหญ่ หนัก 18000 Kg ว่ากันว่าเป็นระฆังที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตีครั้งเดียวระฆังพัง..และไม่ได้ใช้อีกเลย
ส่วนยอดมี 3 ชั้น แต่ละชั้นคั่นด้วยมงกุฏคือเป็นแฉกยื่นออกมาโดยรอบ
เราเข้ามาชมวิหารด้านในกัน
วิหารนี้ใช้เสา 88 ต้น ดูสูงและกว้างขวาง กระจกสี (Stain glass )จะเล่าเรื่องคัมภีร์ไบเบิ้ลทั้งหมด เพราะคนสมัยก่อนไม่รู้หนังสือ และพระก็เก็บภาษาลาตินไว้ แต่วิธีเรียนรู้ก็คือจะเรียนรู้จากภาพต่างๆ ดังนั้นจึงเล่าเรื่องศาสนาจากภาพใน กระจก stain glass
The Cathedral”s Monstrance
ที่นี่ให้ถ่ายรูปได้แต่ห้ามใช้แฟลต เพราะจะทำลายรูปภาพ
High Altar Reredos ฉากหลังแท่นบูชา พวกนี้ทำจากไม้เคลือบด้วยทอง เล่าเรื่องของพระเยชูตั้งแต่เกิดจนเสียชีวิตและกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
พระแม่มารีกับยิ้มที่งดงาม
ภาพพระเยซูเอามือทาบอก วาดโดยเอลเกรโก( El Greco) จิตรกรเอกของสเปน มีความเชี่ยวชาญทางการเขียนภาพสีน้ำมัน นอกจากรูปนี้แล้วยังมีรูปอื่นๆที่เป็นฝีือของเกรโก
หลังจากชมความสวยงามของวิหารแห่งนี้จนได้ที่..พวกเราก็เดินทางกลับกัน
เก็บความสวยงามของเมืองนี้อีกครั้ง
จากนั้นเราก็กลับไปยังเมืองแมดริด และเดินทางกลับประเทศไทยในตอนเย็น