จตุรัสแดงและพระราชวังเครมลิน

13 เมษายน 2559

วันนี้เราตื่นเช้ามากเพราะตั้งเวลาผิด เนื่องจากไกด์บอกเราว่าเวลาที่รัสเซียช้ากว่าเรา 4 ชั่วโมง แต่ที่ไหนได้เวลาที่รัสเซียช้ากว่าเราแค่ 3 ชั่วโมง(เวลาในกรุงมอสโกจะช้ากว่าเวลาของประเทศไทย ประมาณ 3 ชั่วโมงในช่วงเดือนเมษายนถึงตุลาคม แต่จะช้ากว่าเมืองไทย 4 ชั่วโมงในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม ) ทำให้เราตั้งเวลาผิดตื่นเร็วกว่ากำหนด ทำให้เรามีเวลาไปถ่ายรูปหน้าโรงแรม

ด้านซ้ายของโรงแรม เราก็เห็นIzmailovo Kremlinที่สวยงาม (Kremlin แปลว่าป้อมปราการที่มีคูเมืองล้อมรอบ ที่รัสเซียจะมี Kremlin ทุกเมือง) และข้างๆกันจะมีตลาด Izmailovo market ที่คนนิยมมาซื้อสินค้าเพราะราคาถูก

Izmailovo Kremlin ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในปี 1998-2007 แทนของเดิม เดิมทีเป็นหมู่บ้าน Izmailovo ในศตวรรษที่ 14 Izmailovo เป็นชื่อของครอบครัวครอบครัวหนึง ปัจจุบันเป็นสถานที่จัดนิทรรศการและ งานแสดงสินค้า การแสดง ศิลปะรัสเซีย และงานฝีมือ ข้างในมี พิพิธภัณฑ์วอดก้า , พิพิธภัณฑ์ ขนมปัง และ พิพิธภัณฑ์ ของเล่น

เราเดินผ่านป้อมแห่งนี้เพื่อไปยังตลาด

แผนที่ Izmailovo Kremlin และ ตลาด Izmailovo

ตลาด Izmailovo เป็นตลาดที่ขายสินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึกที่ราคาไม่แพงมาก และที่สำคัญสามารถต่อรองราคาได้อีก ตลาดเปิดตั้งแต่ 10.00น-18.00 น.มีค่าเข้าตลาด 10 รูเบิล

พวกเราเดินไปยังตลาด โชคดีวันนี้ตลาดเปิด 8 โมงและไม่เสียค่าเข้าด้วย

ร้านค้าทยอยกันเปิด โชคดีคนไม่เยอะเท่าไหร่

ตลาดมีของขายมากมาย เช่นหมวก ผ้าพันคอ ตุ๊กตาแม่ลูกดก หีบเพลง และของที่ระลึกมากมาย พวกเราเดินซื้อของโดยดูราคาจากร้านเมื่อวานเป็นเกณฑ์ ปรากฏว่าถูกกว่าเมื่อวานมากแถมยังต่อได้อีก เราซื้อของฝากเพื่อนๆที่ตลาดนี้จนเงินที่แลกมาเกือบหมดเลย

ตุ๊กตาแม่ลูกดกที่นี่ก็ถูก เราก็เริ่มซื้อสะสมหลายตัวเหมือนกัน

พวกเราทั้งซื้อและเดินชมตลาดประมาณ 45 นาที ก็รีบออกจากตลาดเพื่อเดินทางไปเที่ยวสแปร์โรว์ฮิล (Sparrow Hills) หรือเนินนกกระจอก

เป็นบริเวณที่มองเห็นทัศนียภาพของนครมอสโคว์ที่อยู่เบื้องล่างได้โดยทั้งหมดจึงทำให้เลนินผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ในอดีต เลือกเนินเขานกกระจอกแห่งนี้เป็นที่ตั้งบ้านพักของตน ปัจจุบันพื้นที่เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยมอสโคว์ และเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในมอสโคว์

มหาวิทยาลัยมอสโคว์มหาวิทยาลัยมอสโก หรือ มหาวิทยาลัยโลโมโนซอฟ Lomonosov Moscow State University (MSU) ซึ่งตั้งขึ้นตามชื่อของผู้ก่อตั้ง ก็คือ Mikhail Lomonosov เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศรัสเซีย ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1755 และมีอาคารเรียนที่สูงที่สุดในโลก อาคารแห่งนี้มีด้วยกันทั้งหมด 32 ชั้น และสูงถึง 262.46 เมตร และยังอยู่ในกลุ่มของ 7 sisters ที่ถูกออกแบบสตาลินสไตล์ โดยผสมผสานระหว่าง Russian Baroque และ Moscow เข้าด้วยกัน

นักท่องเที่ยวชมวิวเมืองมอสโคว์ที่จุดชมวิว ฝั่งตรงข้ามเป็นเนินเขาสแปร์โรว์

อาคารเหล่านี้สร้างขี้นเพื่อเป็นแหล่งศูนย์รวมธุรกิจ สร้างในปี 1992

ฝั่งนี้จะมองเห็นอาคาร 7 sisters มองไกลๆจะเห็นยอดแหลมๆ ทั้ง 6 อาคาร

โปรแกรมต่อไปพวกเราไปชมจตุรัสแดงต่อ พวกเรานั่งรถชมเมืองไปเรื่อยๆ

แม่น้ำมอสโคว์ (Moskva River) ไหลผ่านกลางเมืองมอสโคว์ มีความยาว 140 กิโลเมตร เมื่อขับรถตรงไปเรื่อยๆก็จะถึงจตุรัสแดงและ kremlin

Hotel Ukraina สูงเป็นอันดับที่ 2 ใน กลุ่มอาคาร 7 sisters มีความสูง 198 เมตร

รถขับเลียบไปทางแม่น้ำมอสโคว์ ก็เห็นโบสถ์สวยหลังนี้

Cathedral of Chirst the Saviour (วิหารเซนต์ซาเวียร์)สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1839 ในสมัยพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะจากสงครามนโปเลียน ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 45 ปี แต่ต่อมาในปี ค.ศ.1990 สตาลิน ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ในขณะนั้นได้สั่งให้ทุบโบสถ์ทิ้งเพื่อดัดแปลงเป็นสระว่ายน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกจนเมื่อปี ค.ศ.1994 ประธานาธิบดี บอริส เยลซิน ได้อนุมัติให้มีการก่อสร้างวิหารขึ้นมาใหม่ด้วยเงินบริจาคของคนทั้งประเทศ ซึ่งจำลองของเดิมได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ วิหารสร้างเสร็จสมบูรณ์และทำพิธีเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ.2000 ปัจจุบันวิหารนี้ใช้ในการประกอบพิธีกรรมสำคัญระดับชาติของรัสเซีย

เป็นโบสถ์ Orthodox ที่สูงที่สุดในรัสเซีย มีความสูง 103 เมตร

ไม่นานเราก็ถึงจตุรัสแดง (red square)และพระราชวังเครมลิน

พระราชวังเครมลิน เริ่มสร้างในปี 1147 โดยเจ้าชายยูริ ดอลโกรูกี้ พระราชโอรสของกษัตริย์วลาดิเมียร์ โมโนมาด แห่งเมืองเคียฟ เมืองเล็กๆ ที่มีป้อมปราการอยู่บนภูเขา เจ้าชายยูริได้ย้ายเมืองมาตั้งอยู่ที่นี่และได้สร้างค่าย สร้างประตู สร้างกำแพงเมือง รวมไปถึงยังสร้างพระราชวังภายในเครมลินแห่งนี้ แต่ในสมัยนั้นยังก่อสร้างด้วยไม้และดิน
ต่อมาพระเจ้าอิวานที่ 3 (อิวานมหาราช) พระองค์ได้ปลดปล่อยรัสเซียจากการปกครองของพวกตาตาร์ (มองโกล) และได้พัฒนาบ้านเมืองให้เจริญขึ้นในหลายๆ ด้าน รวมไปถึงได้แต่งเติมเสริมสร้างเครมลินจนเป็นรูปร่างลักษณะอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้ โดยพระองค์ได้ทรงนำเอาช่างชาวอิตาลี มาออกแบบ โดยได้เปลี่ยนจากกำแพงหินปูนสีขาวมาเป็นกำแพงอิฐสีแดง และได้มีการบูรณะพระราชวัง วางผังเมือง สร้างโบสถ์มาออกแบบสิ่งก่อสร้างต่างๆ ให้งดงาม

แผนที่จตุรัสแดงและพระราชวังเครมลิน

ช่วงเช้าพวกเราเดินเล่นตามลูกศรสีน้ำเงิน ช่วงบ่ายเดินเล่นตามลูกศรสีแดง

จตุรัสแดง เป็นจัตุรัสกลางเมืองของของกรุงมอสโคว์ที่สวยที่สุดในโลก จัตุรัสแดงมีขนาดกว้าง 70 เมตร ยาว 695 เมตร มีขนาดพื้นที่รวม 23,100 ตารางเมตร บริเวณโดยรอบจัตุรัสแดงยังมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม อาทิ พระราชวังเครมลิน วิหารเซนต์บาซิล ห้างสรรพสินค้ากุม(GUM) ห้างเก่าแห่งของรัสเซีย พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ อนุสรณ์สถานเลนินซึ่งเป็นบุคคลสำคัญของประเทศรัสเซีย

จัตุรัสแดงและพระราชวังเครมลินได้รับการคัดเลือกจาก UNESCOในปี ค.ศ. 1990 ให้เป็นมรดกโลก

ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ มีอนุสาวรีย์วีรบุรุษสงครามโลกครั้งที่ 2 ของนายพล เกออร์กี จูคอฟ (Georgy Zhukov) ตั้งเด่นเป็นสง่า

ทางเข้าสู่จตุรัสแดง

ที่บริเวณนี้จะเห็นคนยืนมุงอยู่ เป็นที่ตั้งของกิโลเมตรที่ 0

ทางด้านหน้าจัตุรัสแดงจะเป็นที่ตั้งของกิโลเมตรที่0 ของรัสเซีย จะเห็นวงกลม ภายในวงกลมจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไปยืนกลางวงกลมนั้นและโยนเศษเหรียญข้ามไหล่ตัวเองไปด้านหลังเพื่ออธิษฐานให้ได้กลับมาที่มอสโควอีกครั้ง

เดินเข้ามาจะเห็นลานกว้างใหญ่ มองไกลๆจะเห็นมหาวิหารเซ็นต์บาซิล

มองย้อนหลัง ซึ่งเป็นบริเวณด้านหน้าที่เราเดินผ่านเข้ามาจะเห็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ (State History Museum )

ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 ตกแต่งอย่างสวยงามอลังการ ภายนอกถูกทาด้วยสีแดง ซึ่งเป็นสีแห่งความสวยงาม และการรื่นเริง อาคารหลังนี้สร้างโดยสถาปนิก Vladimir Sherwood แบบโกธิค ภายในจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของชาติรัสเซียทั้งหมด ตั้งแต่ยุคหินเรื่อยมา รวมแล้วมีงานจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ทั้งสิ้นกว่า 4 ล้านชิ้น

ด้านซ้ายเป็นห้างสรรพสินค้ากุม(GUM) ที่มีสินค้าแบรนด์เนมมากมาย

พวกเราเดินตรงไปเพื่อเข้าไปถ่ายรูปกับมหาวิหารเซนต์บาซิล( ST. BASIL’S CATHEDRAL)

มีรูปทรงที่มีลักษณะเป็นโดมรูปหัวหอมสีสันสดใส สร้างขึ้นโดยพระเจ้าอีวานที่ 4(Ivan the Terrible) เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานในการรบชนะเหนือกองทัพของมองโกลที่เมืองคาซานในปี พ.ศ. 2095 หลังจากถูกปกครองกดขี่มานานหลายร้อยปี ออกแบบโดยสถาปนิก ปอสนิก ยาคอฟเลฟ(Postnik Yakovlev) และด้วยความสวยงามของวิหารแห่งนี้ จึงมีเรื่องเล่ากันว่าพระเจ้าอีวานที่ 4 ทรงพอพระทัยในความงดงามของมหาวิหารแห่งนี้มาก จึงไม่ต้องการให้สถาปนิกผู้นี้สร้างสิ่งที่สวยกว่านี้อีก จึงได้ให้ทหารควักลูกตาของสถาปนิกผู้นี้ การกระทำในครั้งนั้นของพระเจ้าอีวานที่ 4 จึงเป็นที่มาของสมญานามอีวานจอมโหด

มหาวิหารเซนต์บาซิลมีรูปทรงที่ไม่เหมือนโบสถ์อื่น คือมีโดม 8 โดมล้อมรอบโดมที่ 9 ที่อยู่ตรงกลาง ทำให้อาคารมีรูปทรงแปดเหลี่ยม ด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบรัสเซียโบราณอันได้รับอิทธิพลมาจากไบแซนไทน์ที่เป็นโดมทรงหัวหอมกับสถาปัตยกรรมที่เรียกกันว่ารัสเซียนกอธิก หอคอยสูงรูปกระโจมเป็นอิทธิพลจากยุโรปตะวันตก ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงกลายเป็นหอคอยสูงรูปแท่งเทียนกำลังลุกไหม้บนปลายลำเทียน ส่งความโชติช่วงชัชวาลย์เป็นเครื่องบูชาเทพเจ้าบนสวรรค์

ใกล้กันมีอนุเสาวรีย์ของ Kuzma Minin และ Dmitry Pozharsky เพื่อรำลึกถึง คุณความดีของทั้ง 2 ท่าน คนแรกเป็นเจ้าชายที่ออกรบเก่ง อีกคนหนึ่งเป็นพ่อค้าขายเนื้อที่ระดมทุนเก่ง ที่นำกองทหารอาสาของรัสเซียขับไล่ผู้บุกรุกชาวโปแลนด์ระหว่างสงครามปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17


หอนาฬิกาอยู่ด้านข้างของมหาวิหาร

พวกเราถ่ายรูปกับมหาวิหารซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะความงดงามของมัน

ได้เวลาสมควรพวกเราจึงเดินออกมา เดี๋ยวตอนบ่ายจะกลับมาเดินเล่นอีกและเข้าชมพิพิธภัณฑ์

จากนั้นพวกเราก็ไปรับประทานอาหารกลางวันกัน

มื้อนี้รับประทานอาหารจีน

พวกเราเดินกลับไปที่พระราชวังเครมลินอีกครั้ง

รถบัสพาเรามาส่งบริเวณนี้ ใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดิน

แผนที่พระราชวังเครมลิน

พวกเราเดินผ่านกำแพง เพื่อเดินไปยังพระราชวัง

Tsar Cannon ปืนใหญ่พระเจ้าซาร์ ถูกหล่อขึ้นในปี 1586 ลำกล้องกว้าง 89 เซนติเมตร มีความยาว 5.94 เมตร หนัก 39 ตัน เป็นปืนที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังไม่เคยถูกใช้เลย

ที่หน้าปืนใหญ่มีลูกกระสุนตั้งซ้อนกันอยู่ 4 ลูก โดยแต่ละลูกหนักถึง 1 ตัน

ใกล้ๆกันจะเห็นระฆังที่ใหญ่มาก

Tsar Bell สร้างโดย Tsar Alexis Mikhailovich สั่งให้สร้างระฆังยักษ์ที่ใหญ่และหนักที่สุดในโลก โดยมีน้ำหนัก 200กว่า ตัน พอในยุคสมัยของพระนางเจ้าจักพรรดินี Catherine ที่ 1 เกิดไฟไหม้หอคอย ระฆังยักษ์จึงแตกเป็นเสี่ยงๆ หลังจากนั้นอีก 36 ปีต่อมา(คศ.1737) Regent Anna Leopoldovna ทรงสั่งให้ช่างหล่อชาวรัสเซียชื่ออิวาน มาโตริน และมิคาอิล บุตรชายกับคนงานอีก 200 คน เก็บเศษระฆังยักษ์มาหล่อใหม่อีกครั้ง แต่ก็เกิดความผิดพลาดขณะหล่อด้วยการเทน้ำเย็นบนระฆังที่ยังร้อนอยู่ จึงเกิดแตกที่ส่วนล่างของระฆัง ชิ้นที่แตกหนัก 11 ตัน ระฆังยักษ์ก็ยังคงอยู่ในหลุม ต่อมาพระเจ้า Nicholas ที่ 1 ได้สั่งให้ขุดระฆังยักษ์ใบนั้นมาวางบนแท่นนี้

จากนั้นพวกเราก็เดินไปยัง จตุรัสวิหาร

ระหว่างเดินทางไปยังจตุรัส เห็นระฆังตั้งตระหง่านอยู่

พวกเราเดินเล่นเรื่อยๆก็ถึงจตุรัสวิหาร Cathedral Square (จัตุรัสวิหาร)ซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหาร 3 หลังที่สำคัญ นั่นก็คือวิหารอัสสัมชัญ (Assumption Church )วิหารอันนันซิเอชั่น( Annunciation Cathedral) และวิหารอาร์คาเกล(Archangel Michael Cathedral)

Assumption Church และ Bell Tower เดินตรงไปมองเห็นลานกว้าง

แต่เดิมอาคารมีความสูง 60 เมตรต่อมามีการต่อเติมจนอาคารมีความสูง 81เมตร มีระฆัง 22 ใบ ภายในเป็นหอบันไดวน 329 ขั้น

Ivan the Great Bell Tower

Dormition Cathedral หรือ Assumption Church วิหารหลวงที่เก่าแก่สำคัญและใหญ่ที่สุดในเครมลิน สร้างโดยพระเจ้าอีวานที่ 3 เป็นโบสถ์ Russian Orthodox โดยสร้างทับลงบนโบสถเดิม เป็นวิหารที่ระลึกถึงการสิ้นพระชนม์ของแม่พระมารีย์ผู้กำเนิดพระเยซู ใช้เป็นประกอบรัฐพิธีสำคัญ ๆ เช่น พิธีบรมราชาภิเษกของพระเจ้าซาร์ และเป็นที่บรรจุหีบศพของพระสังฆราชประมุขคริสต์ศาสนานิกายรัสเซียนออโธด็อกช์

บนประตูโบสถ์มีภาพเขียนแบบเฟรสโก้ (ปูนเปียก)รูปพระแม่มารีและพระเยชู

Annunciation Cathedral อยู่ฝั่งขวามือและ Archangel Michael Cathedralอยู่ด้านซ้ายมือ

บนยอดโดมมหาวิหารประดับลวดลายสีทอง ช่างสวยงามนัก

พวกเราไม่ได้เดินเข้าไปในโบสถ์เลย ได้แต่เดินถ่ายรูปกับอาคารต่างๆ จากนั้นพวกเราก็เดินทางไปพิพิธภัณฑ์อาร์มเมอรี่แซมเบอร์ (State Armory Museum)

พิพิธภัณฑ์อาร์มเมอรี่แซมเบอร์เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศรัสเซียเป็นสถานที่เก็บสมบัติลํ้าค่ากว่า 4,000 ชิ้นเช่น ศาสตราวุธต่างๆ เครื่องป้องกันตัว หมวก เสื้อเกราะที่ใช้รบในสมรภูมิ เครื่อง เงิน ทองเพชรพลอยเครื่องทรง มงกุฎ ชุดในพิธีพระบรมราชาภิเษกของกษัติย์และพระราชินี และราชรถที่สวยงาม หาดูได้ยาก

เปิดทำการตั้งแต่เวลา 10.00 – 12.00 และ 14.30 – 16.30 ( ปิดทำการทุกวัน พฤหัสบดี ) ข้างในพิพิธภัณฑ์ไม่สามารถภ่ายรูปได้

ไกด์จองไว้เวลาเข้าชม 15.00 น. แต่ในพิพิธภัณฑ์ไม่ให้ถ่ายรูป เราจึงไม่ได้ถ่ายอะไรเลย

พวกเราเข้าชมพิพิธภัณฑ์ประมาณ 1 ชั่วโมงก็นั่งรถออกไปวิหารเซนต์ซาเวียร์เพื่อขึ้นสะพาน Bolshoy Kamenny Bridgeไปยังจุดชมวิว

หลังจากนั่งรถผ่านไปมา พวกเราก็ได้มายังบริเวณวิหารและเดินขึ้นสะพานเพื่อถ่ายรูป

คนมาถ่ายรูปกันคับคั่ง

เห็นพระราชวังเครมลินที่สวยงาม

เรือลำนี้พานักท่องเที่ยวล่องเรือเพื่อชมทิวทัศน์เมืองมอสโคว์

อาคารสีแดงที่เห็นเป็นโรงงานซ็อคโกแลตยี่ห้อ Alenka Chocolates เป็นซ็อกโกแลตชื่อดังของรัสเซีย

พระเจ้าปีเตอร์มหาราช( Peter the Great ) พระเจ้าปีเตอร์ที่ 1 มหาราช (ค.ศ. 1682-1725) ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์รัสเซีย พระองค์ขึ้นครองราชย์แต่งแต่พระชนมายุ 10 ชันษาพร้อมกับพระเจ้าอีวานที่ 5 (เป็นกษัตริย์บัลลังก์คู่) จนในปี 1696 เมื่อพระเจ้าอีวานที่ 5 สิ้นพระชนม์ พระเจ้าปีเตอร์ที่ 1 มหาราช จึงมีพระราชอำนาจโดยแท้จริง ในยุคของพระองค์ทรงขยายอาณาเขตรัสเซียออกไปทางตะวันออกถึงวลาดีวอสตอค และทรงใช้นโยบายสู้ตะวันตก ทรงนำรัสเซียเข้าสู่ยุคใหม่ โดยในปีค.ศ. 1712 ทรงย้ายเมืองหลวงจากมอสโคว์มาที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และเป็นครั้งแรกที่มีการจัดตั้งกองทหารราชนาวีขึ้นในรัสเซีย ทั้งยังทรงนำช่างฝีมือจากฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ มาสร้างวิหารและพระราชวังที่งดงามอีกมากมาย และทรงนำพาจักรวรรดิรัสเซียให้เป็นที่รู้จักเกรียงไกรในสังคมโลก

รูปปั้นพระเจ้าปีเตอร์มหาราช Peter the Great

หลังจากนั้นพวกเราก็รับประทานอาหารเย็นกัน มื้อนี้เป็นอาหารจีนอีกแล้ว ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่

พวกเรายังมีแรงต่อจึงอยากไปถ่ายรูปจตุรัสแดงยามค่ำคืน โดยมีคุณไกด์พาเราชมเมือง

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ในยามค่ำคืนช่างสวยจริง

จตุรัสแดงยามค่ำคืนสวยงามมาก

มหาวิหารเซ็นต์บาซิล

ด้วยอากาศที่หนาวเย็นประมาณ 9 องศาทำให้พวกเราถ่ายรูปไม่นาน เดินหลบเข้าไปในห้างกุม เพื่อหนีหนาว และเดินสำรวจราคาสินค้า

ช่วงรอเพื่อนๆเดินเล่นในห้างกุม เราก็ถ่ายรูปจตุรัสแดงกับมหาวิหารเซ้นต์บาซิลอีกครั้งก่อนกลับ

เดินออกมาที่สถานีรถไฟใต้ดิน เราก็เห็นห้างสรรพสินค้านี้ เป็นห้างขายสินค้าสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ดูจากหน้าต่างจะเห็นเป็นรูปตัวการ์ตูนน่ารักดี

พวกเรานั่งรถไฟใต้ดิน เพื่อชมสถานีรถไฟใต้ดินอีก 3 สถานีตามที่ได้บรรยายไปแล้ว

พวกเรากลับถึงโรงแรมเกือบเที่ยงคืน วันนี้เหนื่อยมากเลย แต่ก็ต้องจัดกระเป๋าเพื่อเดินทางไปเซ็นต์ปีเตอร์เบร์กในวันพรุ่งนี้

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here