ซากอร์ส

14 เมษายน 2559

วันนี้เราตื่นเช้าอีกเพื่อที่จะไปซื้อของที่ตลาด Izmailovo ตั้งใจจะซื้อหมวกและผ้าพันคอ เพื่อเป็นของฝากสักหน่อย แต่ที่ไหนได้ตลาดยังไม่เปิด จริงๆแล้วตลาดเปิด 10โมงเช้า เมื่อวานถือว่าโชคดีตลาดเปิดแต่เช้า พวกเราจึงอดซื้อของฝากเลย

เมื่อไม่ได้เดินซื้อของพวกเราจึงขึ้นรถเพื่อจะไปเที่ยวเมืองซากอร์ส (Zagorsk)

เมืองซากอร์สห่างจากมอสโคว์ประมาณ 70 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชั่วโมง

ระหว่างนั่งรถไปไกด์ก็ชี้ให้ดูบ้านที่ตกแต่งไสตล์รัสเซีย ยิ่งประดับเยอะมากเท่าไหร่ก็บ่งบอกถึงฐานะของเจ้าของบ้าน

เมืองซากอร์สเป็นที่ตั้งของศาสนนิกายออร์โธดอกซ์ ที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุด ในคริสต์ศตวรรษที่ 14-17 ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกปี 1993 ภายในเมืองยังมีวิทยาลัยสอนศิลปะ สอนการร้องเพลงทางศาสนา ภายในวิทยาลัยสงฆ์ที่มีบาทหลวง 400 รูป และนักศึกษา 100 คน

รถบัสมาจอดบริเวณนี้

ซากอร์สในอดีตมีชื่อว่า เซอร์เกียฟ โปสาด (Sergiev Posad) เมืองนี้เป็นที่ตั้งของศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งค้นพบโดยนักบุญที่ชื่อ เซอร์เจียส (St.Sergius) ประกอบไปด้วยอาราม โบสถ์ วิหาร บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ของคริสตศาสนานิกายออร์โธดอกซ์ รวมเรียกว่า ศาสนาสถานทรินิตี้ของเซนต์เซอร์เจียส (Trinity Monastery of St.Sergius)

เมืองนี้เป็นจุดหมายปลายทางของเหล่านักแสวงบุญโดยใช้วิธีเดินด้วยเท้าเปล่าจากมอสโคว์ ระยะทางกว่า 70 กม.รอนแรมมาเรื่อยๆเพื่อมาสักการะพระเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในศาสนสถานแห่งนี้ ไม่เว้นแม้แต่พระเจ้าซาร์และซารีน่าทุกพระองค์จะต้องเสด็จมาประกอบพิธีทางศาสนาอยู่มิได้ขาด

คิดว่าพวกเราจะมาเช้าแล้วซะอีก ที่ไหนได้มีคนมาเยอะมากเลย

บริเวณด้านหน้ามีรูปปั้นของนักบุญเซอร์เจียส

นักบุญเซอร์กีเยฟ (Sergiev Posad) หรือนักบุญเซอร์เจียส (Sergius) เดินทางมาแสวงบุญจนถึงเมืองแห่งนี้ และลงหลักปักฐานที่นี่เนื่องจากมีความเงียบสงบ นักบุญเซอร์เจียสได้บำเพ็ญเพียรจนสามารถช่วยเหลือผู้คนที่เจ็บป่วยให้หายจากโรคภัยได้โดยใช้ญาณสมาธิ และทหารในยามออกรบก็จะมาขอพรจากนักบุญเซอร์เจียสก่อนออกศึกและได้ชัยชนะกลับมา อย่างเช่น ดมิทริ(Dmitri Donskoi) แม่ทัพของรัสเซียยังนำทัพมาขอพรจากท่านก่อนที่ออกศึกรบกับพวกมองโกล จนได้รับชัยชนะ ทำให้นักบุญเซอร์เจียสเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนเป็นจำนวนมาก

รูปปั้นของนักบุญเซอร์เจียส

ช่วงรอศาสนสถานเปิดพวกเราก็เข้ามาเดินในนี้ก่อน

ข้างในเป็นร้านขายตั๋วสำหรับถ่ายรูปและของที่ระลึก

ที่มหาวิหารเขาห้ามถ่ายรูปแต่ถ้าจะถ่ายรูปได้ต้องซื้อตั๋วสำหรับถ่ายรูป 100 รูเบิล โดยเขาจะให้ CD เพลงบทสวดโดยนักร้องประสานเสียงหรือแม่เหล็กติดตู้เย็น

พวกเราซื้อตั๋วที่จะถ่ายรูปได้เข้าไป แต่ไม่เห็นเขาตรวจตั๋วเลย ..แสดงว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ถ่ายรูปได้มั้ง.

ประตูทางเข้าสวยงาม

บริเวณทางเดินภายในประตู มีภาพวาดปูนเปียก( fresco )วาดไว้อย่างสวยงาม

มีภาพวาดปูนเปียกบนประตู

เมื่อผ่านประตูเข้ามา เราเห็นโบสถ์อัสสัมชัญแต่ไกล

ไกด์พาเราเข้าชมโรงทานแห่งนี้ก่อน (Refectory with the Church of St.Sergius)
ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ในคริสต์ศวรรษที่ 16

ภายในโรงทานได้มีการตกแต่งใหม่

ภายในตกแต่งด้วยภาพนักบุญ สมัยพระนางแคทเธอรีนมหาราชได้ทรงดำรัสให้นำรูปภาพนักบุญจากช่างฝีมือมอสโคว์ชั้นเอกมาติดตั้งที่นี่ มีแท่นสำหรับประกอบพิธีของสังฆราชและสำหรับนักร้องสวด

ภายในมีหีบบรรจุศพของนักบุญ

มีภาพวาดปูนเปียกทั้งเพดานและฝาผนัง

ภายนอกตกแต่งอย่างสวย

เมื่อออกมาข้างนอกก็เห็นโบสถ์อัสสัมชัญ (Assumption Cathedral)สร้างในสมัยพระเจ้าอีวานจอมโหดหรือพระเจ้าอีวานที่ 4 เมื่อปี ค.ศ. 1559-1585 สร้างเลียนแบบมหาวิหารอัสสัมชัญที่จตุรัสวิหารแห่งเครมลิน

สถาปัตยกรรมคล้ายๆกันกับที่เครมลินคืออาคารสีขาวและจะมีโดม 5 โดม แตกต่างกันคือโดม 4 โดมจะเป็นสีฟ้าสดใส แต่งแต้มด้วยดาวสีทองสุกใส ส่วนโดมกลางจะเป็นสีทองอร่าม

เข้าไปในมหาวิหาร ภายในโบสถ์แห่งนี้มีโลงศพของนักบวชสำคัญๆ อยู่มากมาย

ภาพวาด และโคมไฟระย้าสวยงามมาก

โบสถ์ โฮลีทรินิตี้ (Holy Trinity Monastery) สร้างในปี ค.ศ. 1422-1423 เป็นโบสถ์แรกของเมืองซาร์กอร์สแต่เดิมโบสถ์หลังนี้สร้างด้วยไม้ ต่อมามีการบูรณะใหม่โดยสร้างเป็นโบสถ์ปูน สถาปัตยกรรมแบบยอดโดมหัวหอมสีทอง ภายในตกแต่งด้วยภาพเฟรสโกและภาพไอคอน 5 ชั้น

หลังจากที่มีการรื้อและขุดพื้นเพื่อก่อสร้างเป็นโบสถ์ปูน ก็ได้ขุดไปพบกับศพของนักบุญเซอร์เจียส(St. Srgius ) ซึ่งไม่เน่าเปื่อยอยู่ข้างใต้ และได้นำศพของท่านมาบรรจุในโลงศพเงินไว้ที่โบสถ์แห่งนี้ เพื่อให้ประชาชนที่ศัทธาเดินทางมาสักการะด้วยการจูบฝาโลงศพที่ตั้งอยู่มุมด้านขวาสุดของตัวโบสถ์

หอระฆัง (Bell Tewer) สร้างในสมัยพระนางแคเธอรีนมหาราช ที่ต้องการสร้างให้เหมือนหอระฆังที่จตุรัสวิหารแห่งพระราชวังเคลมลิน กรุงมอสโคว์ แต่นี่สูงกว่า คือสูงถึง 98 เมตร ระฆังน้ำหนักแตกต่างกัน 20 – 80 ตัน

ใกล้ๆกันเราเดินไปที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์

บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (Chapel-over-the-Well) มีเรื่องเล่าว่า มีชายตาบอดได้มาล้างหน้าที่ตาน้ำแห่งนี้แล้วทำให้ตาที่บอดสามารถมองเห็นได้อีกครั้ง จึงมีผู้คนมากมายที่ต้องการได้น้ำจากที่นี่ไปดื่มกินเพื่อความเป็นมงคล น้ำในบ่อเป็นน้ำที่ซึมมาเองตามธรรมชาติ ทางโบสถ็ได้จึงมีการต่อน้ำจากตาน้ำนั้นขึ้นมาเป็นน้ำพุ เพื่อให้ใช้สำหรับประชาชนที่ต้องการน้ำศักดิ์สิทธิ์ กลับไปเพื่อเป็นศิริมงคลหรือนำไปฝากญาติพี่น้อง

ที่นี่เป็นที่ตั้งของบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ บ่อน้ำเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 10.30 – 17.00 น.

น้ำพุศักดิ์สิทธิ์ จะมีคนเอาขวดน้ำมารองตรงนี้ เราก็เอาขวดน้ำมารองน้ำกลับไปด้วยเช่นกัน

หลังจากเดินเข้าชมมหาวิหารแล้วเราก็ถ่ายรูปรอบๆ

มุมนั่งเล่นสบายๆ

อีกสักรูปก่อนออกจากศาสนสถานแห่งนี้

ยังไม่ถึงเวลานัดหมาย เราก็ไปหาจุดชมวิวที่สวยเพื่อถ่ายรูป

เราเดินไปทางนี้เพื่อจะไปยังจุดที่เห็นวิวที่สวยของศาสนสถานเพื่อถ่ายรูป

เดินจากศาสนสถานประมาณ 1กิโลเมตรก็ถึงจุดชมวิวตรงนี้

เป็นวิวที่สวยมากเลย

ครบรอบ 700 ปีของศาสนสถาน

รูปปั้นโลหะนักบุญเซอร์เจียส

มองเห็นศาสนสถานชัดเจน สวยจริง

ฝั่งที่เรายืนชมวิวอยู่ บริเวณนี้เป็นร้านอาหาร

ใกล้ๆกันเราก็เห็นอาคารเล็กๆหลังนี้ อาคารนี้ก็มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน

เข้ามาเราก็เห็นก็อกน้ำ 2 ก๊อกที่มีน้ำศักดิ์สิทธิ์ไหลออกมา เราก็เลยล้างหน้าและเก็บน้ำศักดิ์สิทธฺ์ใส่ขวดกลับมาเช่นเคย

เราเดินย้อนกลับไปยังศาสนสถานเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน

ร้านอาหารตกแต่งแนวรัสเซียสไตล์ ดูสวยงาม

มีเวลาเหลือพวกเราไปร้านขายของที่ระลึก อยู่ฝั่งตรงข้ามศาสนสถานระยะห่างประมาณ 200 เมตร

บริเวณนี้เป็นร้านขายของที่ระลึกที่ย้ายมาใหม่ ไกด์บอกว่าเมื่อก่อนร้านขายของอยู่ด้านหน้าศาสนสถาน แต่เขาจัดระเบียบใหม่จึงย้ายมาที่นี่

มีร้านขายของมากมายทั้งตุ๊กตาแม่ลูกดก ผ้าพันคอ ขนสัตว์ และอื่นๆอีกมากมาย ราคาถูกมาก เราได้ผ้าพันคอขนสัตว์ราคาถูกที่นี่ด้วย

พวกเราเดินมารับประทานอาหารในภัตตาคารในเมืองนี้ใกล้ๆกับศาสนสถาน

มื้อนี้อาหารอร่อยดี

ได้เวลาออกเดินทางแล้ว อำลาเมืองซากอร์สอีกครั้ง

มีเพื่อนๆในกลุ่มอยากจะ shopping ไกด์จึงพาพวกเราไปเดินเล่นที่ห้าง เพื่อฆ่าเวลารอขึ้นเครื่องบิน

Auchan Supermarket เป็น supermarket มีหลายสาขาที่รัสเซียคล้ายๆกับห้างโลตัสบ้านเรามีสินค้าราคาถูกมากมาย มีสัญญลักษณ์เป็นรูปนก

ที่นี่มีร้านแลกเงิน เราจึงตรงไปแลกเงินรูเบิลก่อน เพราะเงินที่แลกมาหมดซะแล้วกับการซื้อของทั้งที่ ตลาด Izmailovo และเมืองซากอร์ส

Alenka Chocolates ซ็อกโกแลตรูปเด็ก เป็นซ็อกโกแลตที่ผลิตในรัสเซีย ในห้างนี้มีราคาถูกมาก เราซื้อเป็นของฝากเพื่อนมากมาย แต่ด้วยข้อจำกัดของน้ำหนักบนเครื่องบินเลยต้องเบรกไว้ ซื้อไม่เยอะมาก ห้างสรรพสินค้ารูดบัตรเครดิตได้

Vodka (วอดก้า)” หรือ “Wodka” เป็นชื่อของแม่น้ำสายหนึ่ง ซึ่งไหลผ่านทั่วประเทศ รัสเซีย และสมรภูมิรบในประเทศมากมาย จึงถูกนำมาใช้เรียกเป็นชื่อเครื่องดื่มชนิดนี้ ถูกเรียกในภาษารัสเซียว่า “Zhizennia Voda (ไซซีเนีย โวดะ)” แปลว่า “Water of Life”แปลว่า “สายน้ำแห่งชีวิต” หรือ “เครื่องดื่มเพื่อชีวิต”

เหล้าวอดก้า มีปริมาณ Alcohol (แอลกอฮอล์) ในอัตราส่วน 35 – 70% เป็นสุราที่มีลักษณะใส, ไม่มีสี, ไม่มีกลิ่นป็นเครื่องดื่มที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ทำให้เกิดอาการเมาค้างน้อยที่สุดในบรรดาเหล้าทุกชนิดเพราะมีความบริสุทธิ์มาก จึงได้รับความนิยมจากทั้งชาวอเมริกัน และชาวยุโรป

วอดก้ายี้ห้อนี้ ไกด์เขาแนะนำว่าดี

หลังจากเดินเล่นประมาณ 1 ชั่วโมงเราก็รับประทานอาหารเย็นเป็นอาหารจีนใกล้ๆกับสนามบิน

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จพวกเราก็เดินทางไปขึ้นเครื่องภายในประเทศเพื่อไปยังเซ็นต์ปีเตอร์เบิร์ก พวกเราเดินทางโดยเที่ยวบิน SU 32 ใช้เวลาเดินทาง 1.20 ชั่วโมง

พอเเราลงจากเครื่องบินเราก็เห็นหิมะตกลงมา..โอ้ว..พยากรณ์อากาศเชื่อถือไม่ได้เลย..เพราะวันนี้ไม่มีการพยากรณ์เลยว่าจะมีหิมะตก..แต่เราก็ชอบนะอากาศเย็นสบายมาก..แต่ไม่ดีในการขนกระเป๋าเลยทุลักทุเล ต้องขนกระเป๋าในอากาศที่เปียกและหนาวมาก

พวกเราถึงโรงแรม Park Inn By Radisson Pribaltiyskaya เกือบ 24.00 น. มาถึงก็หมดแรง ไปนอนพักผ่อนดีกว่า..พรุ่งนี้ค่อยไปเที่ยวต่อ

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here