เซ็นต์ปีเตอร์เบิร์ก พระราชวังแคทเธอรีน
17 เมษายน 2559
วันนี้เราไปเที่ยวพระราชวังแคทเธอรีน พวกเราตื่นเช้ากว่าเมื่อวานนี้ครึ่งชั่วโมง เพราะเรามีรายการ shopping ซึ่งอยู่นอกโปรแกรมทัวร์ที่เพื่มเข้ามา ดังนั้นถ้าเที่ยวสายเดี๋ยวอด shopping กัน
เมื่อวานที่ไปป้อมปีเตอร์แอนด์ปอล ได้ดูผังราชวงค์โรมานอฟ และไกด์ได้อธิบายผังให้ฟัง พอสรุปได้ตามนี้
ในประวัติศาสตร์จักรวรรดิรัสเซียในราชวงศ์โรมานอฟ มีเพียง 2 พระองค์เท่านั้นที่เป็นมหาราชคือ
พระเจ้าปีเตอร์มหาราช ผู้สร้างประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ให้รัสเซีย
อีกพระองค์ที่เป็นมหาราชคือ “แคทเธอรีนมหาราชินี” พระองค์เป็นชาวเยอรมัน มิได้ถือกำเนิดในรัสเซีย แต่กลับโด่งดังเป็นที่รู้จักมากที่สุดและครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์รัสเซีย เป็นเวลาถึง 34 ปี ทรงขึ้นครองราชย์ตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค.1762 หลังการรัฐประหารและลอบปลงพระชนม์ “สมเด็จพระเจ้าซาร์ปีเตอร์ที่สาม” พระสวามีของพระนาง พระองค์ทรงทำให้มีการฟื้นฟูจักรวรรดิรัสเซียให้แข็งแกร่ง และมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลกว่าเดิม และวางรากฐานสำคัญที่ปูทางสู่การเป็นชาติมหาอำนาจในยุคปัจจุบันของรัสเซีย
พระราชวังแคทเธอรีน (Catherine Palace) ตั้งอยู่เมือง Pushkin ที่อยู่ห่างออกไปทางใต้ของเซ็นต์ปีเตอร์เบิร์ก ราว 29 กม.ใช้เวลาเดินทาง45 นาที
พระราชวังแคทเธอรีน สร้างในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ในปีค.ศ. 1708-1724 เป็นที่พักผ่อนในฤดูร้อนของพระมเหสีองค์โปรดคือ พระนางแคทเธอรีนที่ 1
ต่อมาก็ยกให้กับพระธิดาคือพระนางอลิสซาเบธในปีค.ศ. 1741 ได้ทำการตกแต่งพระราชวังให้มีความหรูหรามากขึ้นโดยทำ การขยายพื้นที่ของสวนออกไป โดยสถาปนิกผู้ออกแบบคือ Bartolomeo Francesco Rastrelli
ช่วงรอเวลาเข้าพระราชวัง เราก็เดินชมสวนก่อน
และหลังจากที่ได้ทำการตกแต่งเพิ่มเติมก็เริ่มทำให้พระราชวังแห่งนี้ดูมีความโดดเด่นมากขึ้นเป็นที่พักผ่อนในฤดูร้อน ของพระเจ้าซาร์ต่อมาเรื่อยๆ จนกระทั่งคนสุดท้ายของราชวงค์โรมานอฟ พระเจ้านิโคลัสที่ 2 ก็มาพำนักอยู่และถูก จับตัวจากพรรคคอมมิวนิสต์ที่นี่
ในยุคของพระนางแคทเธอรีนมหาราชได้ทรงต่อเติมห้องภาพ ซึ่งจัดแสดงเป็นแผนผังของพระราชวังด้วยศิลปะ คลาสสิก ทำให้พระราชวังฤดูร้อนของพระนางแคทเธอรีนนี้มีความโดดเด่น ด้วยรูปแบบของเอกลักษณ์ที่ลงตัวจึงทำให้พระราชวังแห่งนี้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น
พระราชวังแคทเธอรีนถูกออกแบบสไตล์ Roccoco ซึ่งจะเน้นเรื่องความสง่างาม อ่อนช้อย และหรูหรา
ภายในอาคารพระราชวังหลวงแบ่งเป็นอาคาร 2 ชั้น ประกอบด้วยห้องพักจำนวน 50 ห้อง ประกอบด้วยห้องต่างๆ มากมาย โดยการออกแบบที่แตกต่างกัน และมีความสวยงามลงตัวในแต่ละห้อง ห้องที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือห้องอัมพัน (Amber Room) ซึ่งห้องทั้งห้องประดับด้วยอำพันทั้งหมด เป็นห้องที่สวยงามน่าชม แต่ห้องนี้เขาห้ามถ่ายรูป ในส่วนของห้องอื่นถ่ายรูปได้หมด
ต่อมาพระราชวังถูกทำลายในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพเยอรมันเกือบ 90% ทรัพย์สมบัติต่างๆถูกขโมยไปเกือบหมด หลังจากนั้นได้มีการบูรณะซ่อมแซมโดยได้รับเงินบริจาคจากมหาเศรษฐีชาวรัซเซีย
ทางเข้าพระราชวัง
การเข้าชมพระราชวังก็เหมือนกับทุกที่คือฝากระเป๋าใบใหญ่ และเสื้อโค๊ด และต้องใส่ถุงรองเท้าที่เขาเตรียมจัดไว้ให้
บันไดนี้อยู่ตรงกลางของพระราชวัง พวกเราขึ้นบนบันไดเพื่อเข้าชมภายใน
ขี้นมาบนบันไดเราก็เจอกับตุ๊กตากามเทพ
จะรู้ว่าตอนนี้เราอยู่ทางทิศตะวันตกหรือตะวันออกของพระราชวังโดยดูจาก ตุ๊กตากามเทพตัวนี้กำลังจะลุกและขยี้ตาแสดงว่ากำลังตื่นนอนกำลังตื่น ดังนั้นบริเวณนี้เป็นทิศตะวันออก
เดินเข้ามาภายในพระราชวังห้องแรกเป็นโถงใหญ่
ห้องโถงใหญ่หรือห้องบอลรูม( The Great Hall )เป็นห้องที่ใหญ่สวยงาม มีเนื้อที่ทั้งหมด 846 ตารางเมตร(มีความกว้าง 17 เมตร และมีความยาว 49 เมตร) ด้านบนของเพดาน จะมีภาพวาดที่วาดลงบนผ้าใบทำให้ห้องสวยงามและอลังการมาก ซึ่งเป็นห้องสำหรับเต้นรำและแสดงมโหรสพในสมัยนั้น
ในช่วงระดมทุนเพือบูรณะพระราชวัง ได้จัดให้มีการเช่าห้องนี้เพื่อจัดงานสำคัญๆ รองรับบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น Bill Clinton หรือการแสดงคอนเสิร์ตของ Elton John ว่ากันว่าคอนเสริต์ครั้นนั้นเขาใช้เฮลีคอปเตอร์ลากเปียโนมาลงที่นี่อีกด้วย
The Great Hall
การประดับประดาด้วยทองล้วนงดงาม และมีรูปภาพเป็นภาพที่วาดบนผ้าใบโดยใส่กรอบรูปที่เป็นสัดเป็นส่วน มีจำนวนทั้งหมด 130 รูป ในรูปพวกนี้บางรูปไม่มีอะไรเกี่ยวกับราชวงค์เลย แต่อาจจะมีบางรูปที่เป็นชู้รักของกษัตริย์หลายๆพระองค์
จากนั้นเราก็เดินผ่านประตูเข้าไปอีกห้อง
ภาพบนเพดานสวยงาม
หน้าต่างจะทำการประดับประดา ด้วยกระจก ส่วนเทียนจะทำการลงลักปิดทองให้ดูเหลืองอร่ามตามศิลปะบารอค ในสมัยก่อนใช้เทียนไม่ได้ใช้หลอดไฟแบบปัจจุบัน ดังนั้นจะต้องมีคนคอยจุดเทียนตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ไฟดับ
จะเห็นแท่งหินลายสีน้ำเงิน นั่นคือเครื่องทำความร้อนในสมัยนั้นตกแต่งดูกลมกลืนกับห้อง
ด้านบนเพดานเป็นภาพงดงาม
ไกด์เล่าให้ฟังว่าการรับประทานอาหารของพระมหากษัตริย์ใช้เวลารับประทานแต่ละมื้อประมาณ 5-6 ชั่วโมง จึงเห็นอาหารอลังการขนาดนี้
Antechambers งดงาม
ห้องประดับประดาด้วยทองล้วนสวยงาม
Arabesque Hall
เราเดินออกมาทางบันไดอีกฝั่ง ฝั่งนี้ก็มีตุ๊กตากามเทพเช่นกัน
ตุ๊กตากามเทพตัวนี้กำลังนอน แสดงว่าอยู่ทางทิศตะวันตก
The White State Dining Room
เรามาถึงห้องที่สวยที่สุดของที่นี่ ได้แต่ชมห้ามถ่ายรูป แต่ถ่ายจากด้านนอกเข้าไปได้
ห้องอำพัน(The Amber room) ภายในห้องประดับประดาด้วยแผ่นอำพัน ทองคำเปลว(Gold leaf) และกระจก อย่างวิจิตรงดงาม ทำให้ทั้งห้องกลายเป็นสีเหลืองของอำพัน มองไปมุมใดก็สวยไปหมด
ห้องอำพันนี้สร้างตามบัญชาของกษัตริย์ฟรีดริช วิลเฮล์มที่1(Friedrich Wilhelm I) เดิมทีตั้งใจจะสร้างเพื่อนำไปติดตั้งยังพระราชวังCharlottenburg Palace แต่สุดท้ายห้องอำพันก็ถูกนำไปติดตั้งยังพระราชวังเบอร์ลิน
ต่อมา กษัตริย์ฟรีดริช วิลเฮล์มที่ที่1 ได้มอบห้องอำพันให้แก่ พระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราช(Tsar Peter the Great ) แห่งรัสเซีย ในปี 1716 เพื่อแสดงถึงมิตรภาพที่ทางโซเวียตเป็นพันธมิตรในการต่อต้านสวีเดน
เมื่อห้องอำพันมาอยู่ที่พระราชวังแคทเธอรีนห้องอำพันได้รับการต่อเติมขยายจนแล้วเสร็จในปี 1755 โดยมีอำพันน้ำหนักถึง 6 ตัน ประดับภายในห้องที่มีพื้นที่ 55 ตารางเมตร และมีการบูรณะอีกครั้งในปี 1830
สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางทหารนาซีได้ขโมยอำพันไปจนเกือบหมด แต่หลังจากสิ้นสุดสงครามและได้มีการบูรณพระราชวัง รัฐบาลรัสเซียได้มีการพยายามที่จะซื้ออำพันมาจากประเทศลัตเวียและกลุ่มทะเลบอลติกมา เพื่อนำมาทำตกแต่งให้ห้องอำพันนั้นมีความสมบูรณ์ดังเหมือนอดีตที่ผ่านมา
การสร้างห้องอำพันใหม่อาศัยข้อมูลจากภาพถ่ายขาวดำในการสร้างใหม่ โดยเริ่มการก่อสร้างในปี 1979 แต่ประสบปัญหาเรื่องเงินทุนซึ่งใช้เงินถึง 10 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยได้เงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลเยอรมันจำนวน 3.5 ล้านเหรียญและเงินบริจาคจากประชาชน จนบูรณะเสร็จในปี 2003 ทำให้ได้ห้องอำพันที่งดงามอีกครั้ง
เป็นศิลปกรรมเฉพาะตัวของชาวรัสเซียวิธีการทำเหมือน Mosaic แต่ใช้อำพันแทนทั้งหมด
ภาพวาดบนผืนผ้าใบ เป็นภาพของผู้หญิง 8 คนในแต่ละคาแรกเตอร์
ห้องอาหารค่ำสีเขียว ออกแบบโดย Chales Cameron เป็นห้องที่มีลักษณะเด่นด้วยศิลปะคลาสสิกใช้ รูปแบบห้องโดยใช้สีโทนสว่างให้ดูแบบโล่ง ๆ สบายตา แต่กลมกลืนด้วยความหรูหรา
ภายในห้องอาหารค่ำนั้นก็ยังมีการจัดแสดงปูนปั้น ที่ทำการแกะสลักไว้ได้อย่างสวยงามมากตกแต่งอยู่ในห้องนั้นด้วย
จากนั้นพวกเราก็เดินออกมาก็เจอกับรูปภาพและประวัติรื่องราวเกี่ยวกับพระราชวังแห่งนี้
ภาพพระราชวังที่โดนเยอรมันเผาทำลายไป
ภาพพระราชวังในปัจจุบัน
พวกเราก็เดินออกจากพระราชวัง ถ่ายรูปพระราชวังอีกครั้ง
ช่วงรอกันเราก็ถ่ายรูปเล่นกับสวน ฤดูดอกไม้ผลิสวนน่าจะสวยกว่านี้
ทุกๆที่ย่อมมีร้านขายของที่ระลึก เราไม่ได้ดูของที่ระลึกที่นี่เลย เพราะกลัวว่าจะไม่ได้ไป shoping ที่ห้างกัน
รถพาพวกเรามารับประทานอาหารกลางวันและซื้อของก่อนกลับประเทศไทย ใช้เวลาในการเดินเล่นประมาณ 1.30 ช.ม. แต่แค่รอซื้ออาหารและรับประทานกันก็ปาเข้าไปเกือบ 40 นาทีแล้วเนื่องจากเลือกอาหารร้านดัง KFC เพราะเบื่ออาหารรัสเซียเต็มทนแล้ว ดังนั้นเหลือเวลาซื้อของเดินเล่นไม่ถึงชั่วโมง
ในนี้มีของให้เราเลือกซื้อมากมายโดยเฉพาะห้าง Auchan Supermarket เราซื้อ Alenka Chocolates ที่มีรูปเด็ก อีกเยอะมากเพราะราคาที่นี่ถูกมากเลย ส่วนพี่ที่ไปด้วยก๋ซื้อวอดก้าเพราะราคาถูก
จากนั้นพวกเราก็ตรงไปขึ้นเครื่องเพื่อกลับประเทศไทย…ลาก่อนรัสเซีย..โอกาสหน้าจะมาเที่ยวใหม่เพราะเซ็นต์ปีเตอร์เบิร์กสวยตรึงใจ และเรายังเข้าไปดูพิพิธภัณฑ์ยังไม่จุใจเลย